Apple Event 2024 เปิดตัว iPhone 16 พร้อมสินค้ารุ่นใหม่จากแบรนด์

Apple event 2024
Image source: David Paul Morris/Bloomberg via Getty Images

ผ่านพ้นไปแล้วกับงาน Apple Event 2024 หรือ Apple WWDC คือกิจกรรมการประชุมประจำปีของบริษัท Apple ที่ถูกจัดขึ้นเพื่อแสดงสินค้า ซอฟต์แวร์ รวมถึงเป็นช่วงเวลาที่ Apple เปิดตัวสินค้าใหม่ 2024 โดย Apple Event 2024 ที่ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 หรือวันที่ 10 กันยายน เวลา 00.00 น. ตามเวลาประเทศไทย มาในคอนเซ็ปต์ “It’s Glowtime.” ซึ่งภายในงาน Apple WWDC 2024 นอกจากดาวเด่นอย่าง iPhone 16 Series ก็ยังมีการเปิดตัวอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย


เพื่อเอาใจสาวกแอปเปิลและผู้ที่สนใจงาน Apple เปิดตัวสินค้าใหม่ 2024 วันนี้ RHINOSHIELD ได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ มาให้ได้อ่านกัน พร้อมแนะนำเคสโทรศัพท์ iPhone และ ฟิล์มกันรอย iPhone รุ่นใหม่ เอาไว้ปกป้องรอบตัวเครื่องของ iPhone 16 Series 

Apple WWDC 2024 คืออะไร สำคัญอย่างไร ทำไมสาวก Apple ต้องรู้จัก

ถึงจะเกริ่นไว้แล้วว่า Apple WWDC คืองานประชุมประจำปีของบริษัท Apple เพื่อแสดงสินค้า ซอฟต์แวร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ แต่เชื่อว่ามีหลายคนที่สงสัยว่า WWDC คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร ทำไม Apple แบรนด์สมาร์ตโฟนยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ถึงต้องจัดงาน Apple WWDC 2024 ขึ้นทุกปี ในบทความนี้ RHINOSHIELD จะพาไปหาคำตอบว่างานประชุมประจำปีที่จัดขึ้นครั้งนี้ มีความน่าสนใจขนาดไหน

เปิดตัว iOS 18 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุด

ios 18
Image source: macrumors.com

ภายในงาน Apple WWDC 2024 แบรนด์ Apple ได้ทำการเปิดตัว iOS 18 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดสำหรับ iPhone และ iPadOS 18 สำหรับ iPad โดยระบบปฏิบัติการเวอร์ชันมาพร้อมฟีเจอร์และความสามารถในการปรับแต่งใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับดีไซน์บนแอปพลิเคชัน Photos ไปจนถึงระบบ AI อัจฉริยะอย่าง Apple Intelligence โดยมีรายละเอียดฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น

ฟีเจอร์การปรับแต่งไอคอนบนหน้าจอโฮม

iOS 18 เวอร์ชันนี้ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมได้มากยิ่งขึ้น โดยสามารถจัดวางตำแหน่งไอคอนแอปฯ และวิดเจ็ตได้อิสระ รวมทั้งเลือกธีมสีได้ไม่ว่าจะเป็นสีอ่อน สีเข้ม หรือใส่โทนสีต่าง ๆ ไปจนถึงการปรับขนาดไอคอนแอปฯ ให้ใหญ่ขึ้น

IOS 18 customization
Image source: apple.com

ปรับแต่งฟีเจอร์ Control Center ได้มากขึ้น

แน่นอนว่า Control Center (ศูนย์ควบคุม) เป็นอีกจุดที่ถูกออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น นอกจากสามารถข้าถึงส่วนควบคุมที่ใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็ว ยังสามารถปัดสลับไป-มาระหว่างแต่ละส่วนได้ง่ายกว่าเดิม ส่วนใครที่อยากปรับแต่งขนาดหรือสร้างกลุ่มส่วนควบคุมขึ้นมาใหม่ก็สามารถทำได้เช่นกัน

new Control Center
Image source: apple.com

มีการปรับโฉมแอปพลิเคชัน Photos ใหม่

ข่าวดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูป ในงาน Apple Event 2024 แอปพลิเคชัน Photos ได้รับการอัปเดตใหม่ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Collections ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดกลุ่มรูปภาพตามธีมที่ต้องการ เช่น วันล่าสุด การท่องเที่ยว หรือกิจกรรมพิเศษอื่น ๆ ซึ่งทำให้การค้นหารูปภาพที่ต้องการเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

new Photos
Image source: apple.com

เปิดตัวฟีเจอร์ Apple Intelligence 

ในการเปิดตัวในงาน Apple Event 2024 ได้นำเสนอ Apple Intelligence ซึ่งเป็นระบบ AI ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อผสานรวมกับ iOS 18 ด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์ Apple ให้ดียิ่งขึ้น อย่างการช่วยปรับสำนวนการเขียน พิสูจน์อักษร สรุปข้อความ ไปจนถึงการลบคนหรือวัตถุออกจากฉากหลังในรูปภาพหรือวิดีโอ

Apple Intelligence
Image source: apple.com

Apple Event 2024 เปิดตัว iPhone 16 Series มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง

แน่นอนว่าพระเอกของงาน Apple Event 2024 ยังคงเป็น iPhone 16 Series ที่มีด้วยกัน 4 รุ่นเช่นเดิม ได้แก่ iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ซึ่ง iPhone 16 แต่ละรุ่นมีความน่าสนใจแตกต่างกัน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับผู้สนใจ iPhone 16 Series วันนี้  RHINOSHIELD ไม่พลาดมาอัปเดตสเปก iPhone 16 Series ให้ได้รู้กันก่อนถึงวันเปิดตัว iPhone 16 อย่างเป็นทางการ

iPhone 16

iPhone 16
Image source: apple.com

ต้องบอกว่า iPhone 16 ยังคงมีดีไซน์ที่คล้ายกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการปรับเปลี่ยนกล้องหลังมาใช้การวางแนวตั้งแบบเดียวกับ iPhone 12 ช่วยให้ iPhone 16 สามารถถ่ายวิดีโอแบบ Spatial ได้ โดยการใช้กล้องทั้งสองตัวบันทึกวิดีโอพร้อมกันเพื่อสร้างภาพที่มีความลึก ขณะเดียวกันปุ่มปิดเสียงด้านซ้ายของเครื่องหรือปุ่ม Action ถูกปรับให้คล้ายกับ iPhone 15 Pro นั่นคือ ผู้ใช้ iPhone 16 สามารถตั้งค่าเป็นทางลัดเพื่อเปิดแอปพลิเคชันต่าง ๆ หรือเปิดไฟฉายได้ทันที


นอกจากนี้บริเวณด้านขวาของเครื่องยังมีปุ่มใหม่ Camra Control สำหรับควบคุมกล้อง ที่วิธีใช้งานง่ายแค่กดครั้งแรกเพื่อเปิดแอปกล้อง กดครั้งที่สองเพื่อถ่ายรูป หากกดค้างไว้จะเป็นการบันทึกวิดีโอ ที่สำคัญปุ่มนี้เป็นปุ่มสัมผัสแบบ Capacitive ที่แยกแยะแรงกดหนักเบาได้อีกด้วย

สเปก iPhone 16 เบื้องต้น


  1. หน้าจอ Super Retina XDR OLED 6.1 นิ้ว 2556 x 1179 พิกเซล

  2. ชิปประมวลผล A18

  3. ความจุ 128GB/256GB/512GB

  4. กล้องหลังคู่ Fusion Main 48MP f/1.6 + Ultrawide 12MP f/2.2

  5. กล้องหน้า TrueDepth 12MP f/1.9

  6. ปุ่ม Action และ Camera Control ด้านข้างเครื่อง

  7. รองรับ 5G, Wi‑Fi 7, Bluetooth 5.3, NFC

  8. กันน้ำ IP68

  9. พอร์ต USB-C (USB 2)

  10. แบตเตอรี่การเล่นวิดีโอสูงสุด 22 ชม., เล่นวิดีโอ (สตรีม) สูงสุด 18 ชม., เล่นเสียงสูงสุด 80 ชม.

  11. ชาร์จได้ 50% ใน 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ 20W หรือสูงกว่า (ต้องซื้อแยก)

  12. ชาร์จไร้สาย MagSafe 25W, ชาร์จไร้สาย Qi2 15W

  13. ระบบปฏิบัติการ iOS 18

  14. ขนาดตัวเครื่อง 71.6 x 147.6 x 7.8 มม. น้ำหนัก 170 กรัม

  15. ตัวเครื่อง สีดำ, สีขาว, สีชมพู, สีเขียวอมฟ้า และสีน้ำเงินอัลตร้ามารีน

iPhone 16 Plus

iPhone 16 plus comparison
Image source: apple.com

สำหรับดีไซน์ iPhone 16 Plus มีการปรับเปลี่ยนที่เห็นได้ชัดเจน คือการวางเลนส์ของโมดูลกล้องหลังคู่จากแนวทแยงของ iPhone 15 เป็นแบบแนวตั้ง พร้อมทั้งเพิ่มปุ่ม Action ด้านข้างเครื่องให้ใช้งานได้เหมือนกับรุ่น Pro เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการตั้งค่าและฟังก์ชันที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเพิ่มปุ่ม Camera Control อีกด้านของเครื่อง ซึ่งช่วยให้การควบคุมกล้องและการถ่ายภาพสะดวกยิ่งขึ้น

สเปก iPhone 16 Plus เบื้องต้น


  1. หน้าจอ Super Retina XDR OLED 6.7 นิ้ว 2796 x 1290 พิกเซล

  2. ชิปประมวลผล A18

  3. ความจุ 128GB/256GB/512GB

  4. กล้องหลังคู่ Fusion Main 48MP f/1.6 + Ultrawide 12MP f/2.2

  5. กล้องหน้า TrueDepth 12MP f/1.9

  6. ปุ่ม Action และ Camera Control ด้านข้างเครื่อง

  7. รองรับ 5G, Wi‑Fi 7, Bluetooth 5.3, NFC

  8. กันน้ำ IP68

  9. พอร์ต USB-C (USB 2)

  10. แบตเตอรี่การเล่นวิดีโอสูงสุด 27 ชม., เล่นวิดีโอ (สตรีม) สูงสุด 24 ชม., เล่นเสียงสูงสุด 100 ชม.

  11. ชาร์จได้ 50% ใน 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ 20W หรือสูงกว่า (ต้องซื้อแยก)

  12. ชาร์จไร้สาย MagSafe 25W, ชาร์จไร้สาย Qi2 15W

  13. ระบบปฏิบัติการ iOS 18

  14. ขนาดตัวเครื่อง 77.8 x 160.9 x 7.8 มม. น้ำหนัก 199 กรัม

  15. ตัวเครื่อง สีดำ, สีขาว, สีชมพู, สีเขียวอมฟ้า และสีน้ำเงินอัลตร้ามารีน

iPhone 16 Pro

iPhone 16 Pro
Image source: apple.com

iPhone 16 Pro เป็นโทรศัพท์มือถืออีกรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งดีไซน์ ขนาดหน้าจอ และโครงสร้างภายในไม่น้อยทีเดียว เพราะ iPhone 16 Pro มาพร้อมหน้าจอ 6.3 นิ้ว ซึ่งใหญ่ขึ้นจากเดิมเมื่อเทียบกับ iPhone 15 Pro ทำให้การใช้งานและการดูเนื้อหาต่าง ๆ มีความชัดเจนและสะดวกยิ่งขึ้น ขณะที่ตัวขอบหน้าจอถูกปรับให้บางลง เพิ่มพื้นที่การแสดงผลและทำให้ดีไซน์โดยรวมดูทันสมัย


นอกจากนี้ขอบเครื่องทำจากไทเทเนียมเกรด 5 ซึ่งมีความทนทานและน้ำหนักเบา ช่วยให้ตัวเครื่องแข็งแรงและง่ายต่อการพกพา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความทนทานหรือความหนักของเครื่อง ส่วนโครงสร้างภายในเปลี่ยนมาใช้อะลูมิเนียมที่เคลือบกราไฟต์ ช่วยในการระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาเครื่องร้อนเกินไประหว่างการใช้งาน

สเปก iPhone 16 Pro เบื้องต้น


  1. หน้าจอ Super Retina XDR OLED 6.3 นิ้ว 2622 x 1206 พิกเซล ProMotion 120Hz

  2. ชิปประมวลผล A18 Pro

  3. ความจุ 128GB/256GB/512GB/1TB

  4. กล้องหลัง 3 เลนส์ Fusion Main 48MP f/1.78 + Ultrawide 48MP f/2.2 + Telephoto 5x 12MP f/2.8, Optical Zoom 5x, Digital Zoom 25x

  5. กล้อง TrueDepth 12MP f/1.9

  6. ปุ่ม Action และ Camera Control ด้านข้างเครื่อง

  7. รองรับ 5G, Wi‑Fi 7, Bluetooth 5.3, NFC

  8. กันน้ำ IP68

  9. พอร์ต USB-C (USB 3)

  10. แบตเตอรี่การเล่นวิดีโอสูงสุด 27 ชม., เล่นวิดีโอ (สตรีม) สูงสุด 22 ชม., เล่นเสียงสูงสุด 85 ชม.

  11. ชาร์จได้ 50% ใน 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ 20W หรือสูงกว่า (ต้องซื้อแยก)

  12. ชาร์จไร้สาย MagSafe 25W, ชาร์จไร้สาย Qi2 15W

  13. ระบบปฏิบัติการ iOS 18

  14. ขนาดตัวเครื่อง 71.5 x 149.6 x 8.25 มม. น้ำหนัก 199 กรัม

  15. ตัวเครื่อง สีไทเทเนียมดำ, สีไทเทเนียมขาว, สีไทเทเนียมธรรมชาติ และสีไทเทเนียมทะเลทราย



iPhone 16 Pro Max

iPhone 16 Pro Max comparison
Image source: apple.com

iPhone 16 Pro Max มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายอย่างเมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone 15 Pro Max ทั้งขนาดหน้าจอที่เพิ่มขึ้นเป็น 6.9 นิ้ว ทำให้มีพื้นที่การแสดงผลกว้างขึ้นและให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ส่วนขอบหน้าจอและขอบเครื่องเหมือนกับ iPhone 16 Pro ขณะที่วัสดุซึ่งใช้ทำโครงสร้างภายในเป็นอะลูมิเนียมที่เคลือบกราไฟต์ นอกจากช้วยระบายความร้อนที่ดีขึ้น ยังลดปัญหาเครื่องร้อนระหว่างการใช้งานอีกด้วย

สเปก iPhone 16 Pro Max เบื้องต้น


  1. หน้าจอ Super Retina XDR OLED 6.9 นิ้ว 2868 x 1320 พิกเซล ProMotion 120Hz

  2. ชิปประมวลผล A18 Pro

  3. ความจุ 256GB/512GB/1TB

  4. กล้องหลัง 3 เลนส์ Fusion Main 48MP f/1.78 + Ultrawide 48MP f/2.2 + Telephoto 5x 12MP f/2.8, Optical Zoom 5x, Digital Zoom 25x

  5. กล้อง TrueDepth 12MP f/1.9

  6. ปุ่ม Action และ Camera Control ด้านข้างเครื่อง

  7. รองรับ 5G, Wi‑Fi 7, Bluetooth 5.3, NFC

  8. กันน้ำ IP68

  9. พอร์ต USB-C (USB 3)

  10. แบตเตอรี่การเล่นวิดีโอสูงสุด 33 ชม., เล่นวิดีโอ (สตรีม) สูงสุด 29 ชม., เล่นเสียงสูงสุด 105 ชม.

  11. ชาร์จได้ 50% ใน 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ 20W หรือสูงกว่า (ต้องซื้อแยก)

  12. ชาร์จไร้สาย MagSafe 25W, ชาร์จไร้สาย Qi2 15W

  13. ระบบปฏิบัติการ iOS 18

  14. ขนาดตัวเครื่อง 77.6 x 163 x 8.25 มม. น้ำหนัก 227 กรัม

  15. ตัวเครื่อง สีไทเทเนียมดำ, สีไทเทเนียมขาว, สีไทเทเนียมธรรมชาติ และสีไทเทเนียมทะเลทราย

iPhone 16 Series เปิดจอง และเริ่มขายในไทยวันไหน ที่นี่มีคำตอบ

สำหรับผู้สนใจ iPhone 16 Series สามารถสั่งซื้อ iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro หรือ iPhone 16 Pro Max ล่วงหน้าในวันที่ 13 กันยายน 2024 ตั้งแต่เวลา 1‍9‍:‍0‍0 น‍. เป็นต้นไป และเริ่มวางจำหน่ายจริงในวันที่ 20 กันยายน 2024


โดยผู้สนใจสามารถจอง iPhone 16 Series ผ่านช่องทางต่อไปนี้

Apple Online Store

AIS

True

ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Apple

พาส่อง! Apple เปิดตัวสินค้าใหม่ 2024 มีอุปกรณ์เสริมอะไรบ้าง?

นอกจาก iPhone 16 Series แล้ว ภายในงาน Apple Event 2024 ยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่จะเปิดตัวพร้อมกันในงานนี้ ได้แก่ Apple Watch Series 10, AirPods Max และ AirPods 4 ซึ่งอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ก็มีไม่แพ้ iPhone 16 Series บทความนี้ RHINOSHIELD ก็ไม่พลาดนำข้อมูลดี ๆ ของอุปกรณ์เสริมที่กำลังจะเปิดมาฝากกัน

Apple Watch Series 10

Apple Watch Series 10
Image source: apple.com

Apple Watch Series 10 หรือ นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นที่ 10 ของ Apple มาพร้อมหน้าจอใหญ่ขึ้นถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับ Apple Watch รุ่นก่อน ๆ รวมถึง Apple Watch Ultra ทำให้การดูข้อมูลและการใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ สะดวกยิ่งขึ้น ขณะที่ตัวเรือนมีความบาง 9.7 มม. ที่บางกว่ารุ่น Series 9 ถึง 10% ทำให้นาฬิกามีน้ำหนักเบากว่าเดิม


นอกจากนี้หน้าจอของ Apple Watch Series 10 ยังถูกปกป้องด้วยกระจก Durable Onyx ซึ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหน้าจอ ทำให้ทนทานต่อการใช้งานและความเสียหาย รวมถึงมีอัปเกรดในส่วนลำโพงให้ดีขึ้น ทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้งาน Apple Watch สามารถเล่นเพลง และพอดแคสต์จากนาฬิกาได้เลย ไม่ต้องผ่านหูฟัง AirPods

Apple Watch Series 10 มีกี่สี กี่รุ่น


สำหรับ Apple Watch Series 10 รุ่นไทเทเนียม มีให้เลือกซื้อมาสวมใส่ด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีเงิน, สีโรสโกลด์ และสีดำ ขณะที่ Apple Watch Series 10 รุ่นอะลูมิเนียม ก็มี 3 สีเช่นกัน นั่นคือ สีธรรมชาติ, สีทอง และสีเทาสเลท

Apple Watch Ultra 2

Apple Watch Ultra 2
Image source: apple.com

Apple Watch Ultra 2 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มองหานาฬิกาที่มีความทนทานต่อการใช้งานหนักและสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ในการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือการผจญภัย เพราะ ตัวเรือนของ Apple Watch Ultra 2 มาพร้อมวัสดุสุดแข็งแกร่ง อย่างไทเทเนียมเกรด 5 ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานต่อการกระแทกและการสึกหรอ


ขณะที่กระจกหน้าจอของ Apple Watch Ultra 2 ถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อทนต่อการขีดข่วนและการแตกหัก ซึ่งเพิ่มความทนทานในการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ทำให้ Apple Watch รุ่นนี้ทนต่อการเปียกน้ำ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และการสัมผัสกับสิ่งสกปรกได้ดีเยี่ยม

AirPods 4

นอกจาก AirPods 4 หูฟังไร้สายรุ่นใหม่จากแบรนด์ Apple มีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น ANC (ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน) และไม่มี ANC ตัว AirPods 4 ยังถูกอัปเกรดหลายด้าน ทำให้เป็นอุปกรณ์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ AirPods โดยเฉพาะ การปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการใช้ไดรเวอร์ใหม่และเทคโนโลยีเสียงที่ทันสมัย ทำให้เสียงที่ได้มีความคมชัดและสมดุลมากขึ้น หรือมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น ทำให้สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้นานขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน นอกจากนี้ AirPods 4 ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีก ไม่ว่าจะเป็น

Airpods 4
Image source: apple.com

ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC)


การปรับปรุงล่าสุดในระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ หรือ Active Noise Cancellation (ANC) ทำให้ฟีเจอร์นี้สามารถจัดการกับเสียงรบกวนที่ซับซ้อนและมีความถี่หลากหลายได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากการจราจร เสียงในที่ทำงาน หรือเสียงพูดคุย จึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มระดับเสียงเพื่อกลบเสียงรบกวน ซึ่งจะช่วยลดความเมื่อยล้าของหูจากการฟังเสียงที่ดังเกินไปเป็นเวลานานได้อีกด้วย

ใช้ปุ่ม Capacitive


Apple เพิ่มความพิเศษเข้าไปใน AirPods 4 ด้วยการเปลี่ยนจากปุ่ม Pairing Button ที่ด้านหลังเคสชาร์จ มาเป็นปุ่ม Capacitive ที่ซ่อนอยู่ที่ด้านหน้าของเคสชาร์จ เพื่อให้การเชื่อมต่อและการใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งปุ่ม Capacitive ยังช่วยให้การควบคุม AirPods 4 เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ปุ่มกดจริง ๆ ทำให้ประสบการณ์การใช้งานทั้งการฟังเพลงและการโทรมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

พอร์ตชาร์จแบบ USB-C


การเปลี่ยนจากพอร์ต Lightning มาเป็น USB-C เป็นการอัปเกรดที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างมาก ทั้งช่วยลดความยุ่งยากในการพกสายและอะแดปเตอร์หลายเส้น เพราะสามารถใช้สายเดียวกันกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ รวมถึงรองรับการถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูง (สูงสุด 40 Gbps ในกรณีที่ใช้ Thunderbolt 3 หรือ 4) ทำให้การย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ทำได้เร็วขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ เช่น วิดีโอ 4K หรือข้อมูลสำรอง เป็นต้น

AirPods Pro 2

AirPods Pro 2 เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม ฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนที่มีประสิทธิภาพ และความสะดวกสบายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี H2 Chip ที่ช่วยในการประมวลผลเสียงและฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือฟีเจอร์ Active Noise Cancellation ที่เข้ามาช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก เพื่อให้คุณสามารถจดจ่อกับสิ่งที่ฟังได้อย่างเต็มที่


นอกจากนี้ AirPods Pro 2 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน อย่างเคสชาร์จรองรับการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe ทำให้การชาร์จเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียบสาย หรือการเพิ่มฟีเจอร์เสียง Find My ที่ช่วยให้คุณหาหูฟังและเคสได้ง่ายขึ้นเมื่อสูญหาย โดยการส่งสัญญาณเสียงที่สามารถได้ยินและติดตามได้

Airpods Pro2
Image source: apple.com

AirPods Max

มาต่อกันที่ AirPods Max หูฟัง Over-Ear รุ่นเรือธงของ Apple มาพร้อมคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่โดดเด่นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์การฟังเสียงที่ยอดเยี่ยมและสะดวกสบาย เห็นได้จากฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ดังนี้


  1. AirPods Max ใช้ไดรเวอร์ที่ออกแบบโดย Apple เอง เพื่อให้เสียงที่มีความคมชัด สมดุล และมีรายละเอียดที่ลึกซึ้ง ทำให้คุณได้รับประสบการณ์เสียงที่เต็มอิ่มและแม่นยำ

  2. ระบบ ANC ของ AirPods Max สามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหรือคอนเทนต์โปรดได้โดยไม่ถูกรบกวน

  3. โหมด Transparency ช่วยให้คุณได้ยินเสียงจากภายนอกได้อย่างชัดเจนในขณะที่ยังคงสวมใส่หูฟัง ทำให้คุณสามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก

  4. มี Digital Crown ที่สามารถใช้ในการควบคุมระดับเสียง เล่นหรือหยุดเพลง เปลี่ยนเพลง และรับสายโทรศัพท์ได้ง่าย ๆ

  5. AirPods Max มีสีใหม่มาให้เลือกมากถึง 5 สี ได้แก่ สีมิดไนท์ สีสตาร์ไลท์ สีฟ้า สีส้ม และสีม่วง

AirPods Max
Image source: apple.com

RHINOSHIELD อัปเดตอุปกรณ์รองรับ iPhone 16 และ Gadget ของ Apple

มาถึงตรงนี้เชื่อว่า สาวก Apple คงตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกซื้อ iPhone 16 Series รุ่นไหน แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเลือก iPhone 16 รุ่นอะไร การตระเตรียมอุปกรณ์ปกป้องสมาร์ตโฟนเครื่องใหม่ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดย RHINOSHIELD แบรนด์เคสโทรศัพท์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการปกป้องมือถือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตลาด ได้ทำการอัปเกรดคุณสมบัติเคสโทรศัพท์ ฟิล์มกันรอย เพื่อปกป้อง iPhone 16 จากอุบัติเหตุในทุกสถานการณ์ สำหรับใครที่อยากรู้ว่า เคสโทรศัพท์ ฟิล์มกันรอย RHINOSHIELD ดีไหม? มาดูคำตอบไปพร้อม ๆ กัน

เคสโทรศัพท์ใหม่ 


หากคุณกำลังมองหาไอเท็มสุดแกร่งมาช่วยปกป้อง iPhone 16 จากการตกกระแทกได้รอบด้าน ขอบอกว่า เคสโทรศัพท์ iPhone จากแบรนด์ RHINOSHIELD เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยมีการออกแบบที่สวยงามและทันสมัย พร้อมด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูงและเทคโนโลยีการปกป้องที่ทันสมัย อย่างเทคโนโลยี ShockSpread™ ที่มอบการปกป้องที่มีประสิทธิภาพจากการกระแทกและแรงชน โดยการกระจายแรงกระแทกไปทั่วทั้งพื้นที่ของเคส ด้วยวัสดุที่มีความยืดหยุ่นและทนทาน ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าโทรศัพท์ของคุณได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่

ฟิล์มกันรอย


ส่วนใครที่กังวลกับรอยขีดข่วนบนหน้าจอ iPhone 16 การเสริมเกราะด้วยฟิล์มกันรอย iPhone จากแบรนด์ RHINOSHIELD ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการปกป้องหน้าจอจากการขีดข่วนและความเสียหาย โดยเฉพาะฟิล์มกันรอย Impact Protector 3D PRO ที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องหน้าจออย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยีการป้องกันแรงกระแทก ความชัดเจนสูง และวัสดุที่ทนทาน ทำให้ฟิล์มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการปกป้องหน้าจอในระดับพรีเมียมจากการขีดข่วน การตกกระแทก และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน


นอกจากฟิล์มกันรอย Impact Protector 3D PRO ทางแบรนด์ RHINOSHIELD ก็มีฟิล์มกระจกนิรภัยกันรอย 9H มาให้เลือกใช้ปกป้อง iPhone เช่นเดียวกัน โดยฟิล์มกระจกนิรภัยกันรอย 9H ไม่เพียงช่วยป้องกันการแตกหักจากแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกสถานการณ์ ตัวฟิล์มมีพื้นผิวเรียบลื่นทำให้การสัมผัสหน้าจอเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ลดทอนความไวในการตอบสนองของหน้าจออีกด้วย

พอทราบข้อมูล Apple เปิดตัวสินค้าใหม่ 2024 กันแบบนี้แล้ว ใครที่เฝ้ารอ iPhone 16 series ตั้งแต่ก่อนถึงวันงาน Apple Event 2024 หลังอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นกับงานประชุม Apple WWDC 2024 ก็อย่าลืมพุ่งตัวไปกดสั่งซื้อ iPhone 16 series รุ่นที่สนใจตามพิกัดสั่งจองที่ Apple แจ้งไว้ แล้วครั้งถัดไป Apple WWDC คือวงประชุมเรื่องไหนบ้างนั้น ต้องรอติดตาม! ส่วนใครที่สนใจเคสโทรศัพท์ และฟิล์มกันรอยจาก RHINOSHIELD แต่ไม่รู้ว่าอุปกรณ์เสริม RHINOSHIELD ซื้อที่ไหนดี? สามารถสั่งซื้อสินค้าโดยตรงจากเว็บไซต์ทางการของ RHINOSHIELD รับรองว่าจะได้รับสินค้าของแท้ไปใช้งานแน่นอน