เคส MagSafe ติดแน่น ใช้งานไม่มีสะดุด
เคส MagSafe คือหนึ่งในไอเทมสำหรับการชาร์จไร้สายที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ เรียกได้ว่านาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเคส MagSafe หรือเคสรองรับ MagSafe ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การชาร์จไร้สายของ Apple อย่างแน่นอน
จริง ๆ แล้ว เทคโนโลยี MagSafe ที่พัฒนาโดย Apple ไม่ได้เป็นนวัตกรรมที่ใหม่ขนาดนั้น เพราะ MagSafe ได้เปิดตัวครั้งแรกให้สามารถใช้งานได้กับ MacBook Pro ปี 2006 มาก่อน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตรที่ถูกพัฒนาโดย Apple สนับสนุนการชาร์จพลังงานแบบไร้สาย แต่หลังจากนั้น Apple ก็ได้ยกเลิกเทคโนโลยี Magsafe ออกจากซีรีส์ MacBook ไป และนำเทคโนโลยีนี้กลับมาเปิดตัวอีกครั้งใน iPhone 12 ซึ่งรวมอยู่ในทุกรุ่นตั้งแต่ iPhone 12 Pro Max ไปจนถึง iPhone 12 Mini และใช้ได้กับรุ่นที่ใหม่กว่านั้นอีกด้วย
โดยช่วงเวลาที่ Apple นำ MagSafe นี้กลับมาเปิดตัวอีกครั้งใน iPhone 12 ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีมาก ๆ เพราะกลายเป็นว่าคนหันมาสนใจกับเทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเคสมือถือต่าง ๆ หันมาผลิตเคส MagSafe หรือเคสรองรับ MagSafe กันมากขึ้น
ซึ่งหากใครที่กำลังสงสัยว่าเคส MagSafe ดีไหม…? แล้วจำเป็นหรือเปล่าที่ต้องใช้ MagSafe Case RHINOSHIELD ขอพาไปรู้จักกับเทคโนโลยี MagSafe และเคส MagSafe ให้มากยิ่งขึ้น ผ่านบทความนี้
MagSafe คืออะไร ใช้งานกับเคส MagSafe อย่างไร
MagSafe คืออะไร?... MagSafe คือเทคโนโลยีแม่เหล็กจาก Apple ที่เป็นการชาร์จไร้สายโดยมีแม่เหล็กดูดประกบกับอุปกรณ์ที่รองรับ เช่น เคส MagSafe หรือเคสที่รองรับ MagSafe เป็นต้น โดยฟังก์ชันการดูดประกบติดนี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานใน iPhone 12 ขึ้นไป ทำให้ iPhone 13 และ iPhone 14 ก็สามารถใช้งานการชาร์จแบบดูดประกบนี้ได้เหมือนกัน
ซึ่ง MagSafe ได้รับการออกแบบโดยใช้ขดลวดพิเศษสำหรับการชาร์จไร้สายที่เรียกกันว่าระบบ Qi ทำให้สามารถนำมาชาร์จร่วมกับ iPhone8 ขึ้นไปได้เช่นกัน แต่จะไม่สามารถใช้ฟังก์ชันดูดประกบติดด้านหลังตัวเครื่องได้เหมือนรุ่น iPhone 12 ขึ้นไป นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานการชาร์จไร้สายนี้ได้กับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น Airpods ที่รองรับการชาร์จแบบ Wireless ได้อีกด้วย
MagSafe ใช้งานกับเคส MagSafe อย่างไร?...เนื่องจากใน iPhone 12, 13 และ 14 ทุกรุ่นมีแม่เหล็กอยู่ทำให้เมื่อชาร์จกับ MagSafe ตัวเครื่องจะดูดติดกับด้านหลังของ iPhone เลย แต่หาก iPhone ของเราใส่เคสที่หนาเกินไป หรือเคสที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ MagSafe โดยเฉพาะก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของการชาร์จได้ เพราะอาจทำให้ชาร์จได้ช้าลง หรือชาร์จได้ไม่ต่อเนื่อง เป็นต้น แต่ถ้าหากเลือกใช้เคสที่รองรับ MagSafe ก็จะทำให้การชาร์จเร็วกว่าและมีความต่อเนื่องในกำลังไฟที่สม่ำเสมอนั่นเอง
ความแตกต่างของ MagSafe กับ QI Wireless Charger ทั่วไป
การชาร์จ MagSafe และ Qi เป็นเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สายสองแบบที่ใช้กันทั่วไปในโทรศัพท์มือถือ แม้ว่าทั้งคู่จะมีความสามารถในการชาร์จแบบไร้สาย แต่ก็มีข้อแตกต่างกันดังนี้…
1. ความแตกต่างในการใช้งาน
MagSafe เป็นเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สายที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งพัฒนาโดย Apple ใช้แม่เหล็กเรียงเป็นวงกลมที่ด้านหลังของ iPhone เพื่อยึดตำแหน่งแม่เหล็กที่แม่นยำในการชาร์จให้กับอุปกรณ์เสริมที่รองรับ MagSafe เช่น ที่ชาร์จ MagSafe หรือเคส MagSafe เป็นต้น นอกจากจะใช้ได้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple อย่าง iPhone ได้แล้ว ยังใช้ได้กับ…
- ▪️ AirPods Pro
- ▪️ AirPods พร้อมเคสชาร์จแบบไร้สาย (Gen 2)
- ▪️ เคสชาร์จแบบไร้สายสำหรับ AirPods
ในทางกลับกัน QI Wireless Charger เป็นเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สายมาตรฐานแบบทั่วไปที่รองรับโดยผู้ผลิตสมาร์ตโฟนหลายราย ใช้การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อถ่ายโอนพลังงานจากแท่นชาร์จไปยังอุปกรณ์ ที่รองรับ เมื่อนำอุปกรณ์ที่รองรับ Qi ซึ่งไม่ใช่ MagSafe มาชาร์จกับที่ชาร์จ MagSafe กำลังไฟจะลดลงและระยะเวลาในการชาร์จอาจใช้เวลาชาร์จที่นานกว่า
2. ความแตกต่างเรื่องความเร็วในการชาร์จ
โดยทั่วไปแล้วการชาร์จ MagSafe จะให้ความเร็วในการชาร์จที่เร็วกว่าเมื่อเทียบกับการชาร์จ Qi การจัดตำแหน่งแม่เหล็กของ MagSafe ช่วยให้ถ่ายโอนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้เวลาในการชาร์จเร็วขึ้น ซึ่งความเร็วในการชาร์จอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเครื่องชาร์จ MagSafe และ iPhone รุ่นที่ใช้อยู่
ส่วนการชาร์จด้วย QI Wireless Charger จะชาร์จได้ไม่เร็วเท่า MagSafe เพราะความเร็วในการชาร์จอาจแตกต่างกันไปตามกำลังไฟของเครื่องชาร์จและความเข้ากันได้ของอุปกรณ์
3. ความแตกต่างเรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน
ที่ชาร์จ MagSafe มอบประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายด้วยการเชื่อมต่อแบบแม่เหล็กดูดประกบติดที่ช่วยจัดตำแหน่งที่ชาร์จให้ตรงกับด้านหลังของ iPhone 12, iPhone 13 และ iPhone 14 ทุกรุ่น คุณสมบัตินี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ iPhone ต่อไปได้ในขณะที่ชาร์จ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับจัดตำแหน่งของการชาร์จที่ไม่ถูกต้อง
หากเป็นการชาร์จ QI Wireless Charger จะต้องมีการจัดตำแหน่งอย่างระมัดระวังระหว่างแท่นชาร์จและอุปกรณ์ ไม่ได้มีฟังก์ชันการใช้งานที่ดูดเข้าหาตัวเครื่องทันทีเหมือน MagSafe ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสถียรในการชาร์จ
4. ความแตกต่างในเรื่องความเข้ากันได้ของอุปกรณ์
ปัจจุบันการชาร์จ MagSafe พร้อมแม่เหล็กดูดประกบติดจะจำกัดเฉพาะ iPhone บางรุ่นที่รองรับเทคโนโลยี MagSafe iPhone เหล่านี้มีแม่เหล็กที่มีแรงดูดสูงใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดตำแหน่งแม่เหล็กและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม MagSafe อย่างเคส MagSafe, Griptok รองรับ MagSafe ได้อย่างปลอดภัย
การชาร์จ Qi ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากสมาร์ตโฟนหลายรุ่น รวมถึงรุ่นต่าง ๆ จากผู้ผลิตหลายราย ให้โซลูชันการชาร์จแบบไร้สายที่เป็นสากลมากขึ้น แต่หากนำผลิตภัณฑ์ของ Apple มาชาร์จก็จะทำให้กำลังไฟในชาร์จลดลง
เรียกได้ว่า MagSafe นำเสนอโซลูชันการชาร์จแบบไร้สายที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะที่มาพร้อมความเร็วในการชาร์จที่เร็วขึ้นและประสบการณ์การใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้นสำหรับรุ่น iPhone ที่รองรับ ซึ่งในส่วนนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับเคสของ iPhone ด้วยเช่นกัน เพราะโดยทั่วไปแล้วคนที่ใช้ iPhone ใช้ใส่เคสเพื่อป้องกันการตกหล่นหรือการกระแทกอยู่แล้ว ซึ่งเคสที่ให้การปกป้องตัวเครื่องอย่างดีจะหนาและมีความเทอะทะมาก อาจทำให้รบกวนการดูดติดของ MagSage
ดังนั้นสำหรับการซื้อเคส RHINOSHIELD ขอแนะว่าควรเลือกใช้เคสกันกระแทกที่รองรับ MagSafe หรือเคส MagSafe กันกระแทกโดยเฉพาะจะตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่า เพราะจะใช้งานได้ราบรื่นและชาร์จได้โดยไม่มีสะดุด รวมถึงกันกระแทกไปได้ในตัว ในทางกลับกัน การชาร์จด้วย Qi เป็นเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สายมาตรฐานแบบทั่วไปที่ให้ความเข้ากันได้กับสมาร์ตโฟนหลากหลายประเภท แต่โดยทั่วไปแล้วจะให้ความเร็วในการชาร์จที่ช้ากว่าและต้องจัดตำแหน่งการชาร์จอย่างระมัดระวัง
ข้อดีและข้อควรระวังในการใช้ MagSafe
หลังจากที่ได้รู้ถึงการใช้งานของ MagSafe ร่วมกับเคสรองรับ MagSafe กันไปแล้ว เราขอพาไปดูถึงข้อดีและข้อควรระวังของการของ MagSafe กันต่อเลยดีกว่าว่าดีอย่างไร? และมีข้อควรระวังในเรื่องไหนบ้าง?
ข้อดีของการใช้ MagSafe
✔ สะดวก ใช้งานง่าย
เทคโนโลยี MagSafe ช่วยให้การชาร์จโทรศัพท์ง่ายกว่าที่เคย ด้วยแรงดูดของแม่เหล็กที่ทรงพลังทำให้สามารถใช้งาน iPhone ขณะชาร์จได้ บอกลาปัญหาสายชาร์จหรือสายชาร์จพังไปได้เลย
✔ ชาร์จได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การชาร์จด้วย MagSafe เป็นการชาร์จแบบไร้สายที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเป็นการชาร์จที่จ่ายไฟได้อย่างเต็มที่ด้วยกำลังสูงสุด 15W ขณะที่แท่นชาร์จทั่วไปจะจ่ายไฟได้เพียงแค่ 7.5W เท่านั้น และยิ่งใช้งานร่วมกับเคส MagSafe ก็ยิ่งตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการใช้งาน เพราะหากใช้ MagSafe กับ iPhone 12 หรือรุ่นที่สูงกว่าแต่ไม่ได้ใช้งานเคสที่รองรับ MagSafe ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพในการชาร์จลดลง นอกจากนี้สำหรับ iPhone 12 mini และรุ่น mini ที่สูงกว่าที่ชาร์จ MagSafe จะจ่ายไฟสูงสุด 12W เท่านั้น
✔ เข้ากับอุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย
MagSafe เข้ากันได้กับอุปกรณ์เสริมที่หลากหลาย รวมถึงเคส MagSafe, กระเป๋าเงิน MagSafe, Griptok รองรับ MagSafe และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายรูปแบบมาก ๆ
✔ แรงดูดทรงพลังไม่มีตก
การดูดประกบด้านหลังด้วยแม่เหล็กแรงสูงระหว่างอุปกรณ์เสริม MagSafe และ iPhone ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสามารถประกบติดกันได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์เสริมจะอยู่กับที่ แม้อยู่ในช่วงที่กำลังใช้โทรศัพท์ หรือระหว่างการเคลื่อนไหว
ข้อควรระวังในการใช้ MagSafe
แม่เหล็กที่ใช้ในอุปกรณ์เสริม MagSafe อาจรบกวนการ์ดที่มีแถบแม่เหล็ก อย่าง บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือการ์ดที่ใช้แถบแม่เหล็กในการจัดเก็บข้อมูล เมื่อวางใกล้คั่นระหว่างการชาร์จจะทำให้ข้อมูลในการ์ดเสียหายได้
การชาร์จด้วย MagSafe ทั้งแบบไม่ใส่เคส หรือใส่เคสต่าง ๆ อาจจะทิ้งรอยไว้ได้ จึงควรใช้กับเคสที่รองรับ MagSafe เพื่อป้องกันรอยเหล่านั้น เพราะเคส MagSafe คือไอเทมที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานในลักษณะนี้โดยเฉพาะจึงสามารถป้องกันรอยที่อาจเกิดขึ้นได้
หากกำลังใช้งานการชาร์จ MagSafe อยู่ ควรหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านช่องเชื่อมต่อ Type-C เพราะจะทำให้ประสิทธิของการชาร์จลดลง ความเร็วการชาร์จจะลดลง
ถึงแม้ MagSafe จะมาพร้อมระบบป้องกันความร้อนที่ดี แต่การชาร์จด้วยแม่เหล็กนี้ก็เหมือนกับการชาร์จแบบปกติทั่วไปที่สามารถสร้างความร้อนได้ ซึ่งถ้าแบตร้อนเกินไประบบจะหยุดการชาร์จไว้ที่ 80 % และเมื่อแบตเย็นลงถึงจะกลับมาชาร์จต่อตามปกติ
พบกับเคสและอุปกรณ์เสริมคุณภาพดี รองรับ MagSafe จาก RHINOSHIELD
อย่างที่บอกไปแล้วว่า เคส MagSafe เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานร่วมกับ MagSafe เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จได้มากกว่าเคสทั่วไป แน่นอนว่าหากคุณกำลังใช้ iPhone 12 หรือรุ่นที่สูงกว่านั้น การเลือกซื้อเคส MagSafe คือสิ่งตอบโจทย์อย่างมาก สำหรับการซื้อเคส RHINOSHIELD ขอแนะนำว่าควรเลือกซื้อเคสที่มีแรงดูดแม่เหล็กสูงที่ทำจากวัสดุกันกระแทก เพราะเลือกซื้อ 1 ได้ถึง 2 สามารถใช้งาน MagSafe ได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด ทั้งยังสามารถเพิ่มเกราะป้องกันให้กับโทรศัพท์จากการตกหล่นที่ไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งบอกเลยว่าที่ RHINOSHIELD เคส MagSafe ติดแน่นด้วยแม่เหล็กที่ทรงพลัง มีแรงดูดแม่เหล็กที่แรงเหนือกว่าโรงงานต้นแบบถึง 2 เท่า กันกระแทกได้สูง เนื่องจากใช้เทคโนโลยีดูดซับแรงกระแทกเอกสิทธิ์เฉพาะ "ShockSpread " ทนต่อแรงกระแทกได้เหนือกว่า Military Standard ซึ่งเคสเหล่านี้ก็มีให้เลือกหลายแบบ หลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น…
- ▪️ SolidSuit เคสปกป้องรอบตัวเครื่องในชิ้นเดียว
- ▪️ Clear เคสใสไม่เหลืองง่าย
- ▪️ Mod NX เคส bumper แยกชิ้นส่วน + แผ่นด้านหลัง
นอกจากเคส MagSafe กันกระแทกจาก RHINOSHIELD จะมีแบบ สี และลายพื้นฐานให้เลือกใช้แล้ว ยังมีลายลิขสิทธิ์จากการร่วมมือกับแบรนด์และชุมชนสร้างสรรค์ทั่วโลกให้ได้เลือกปรับแต่งได้เองตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกของเคส NARUTO SHIPPUDEN, เคส Harry Potter หรือเคส One Piece เป็นต้น เรียกได้ว่าลายลิขสิทธิ์สวย ๆ เหล่านั้นสามารถนำมาปรับแต่งกับเคส RHINOSHIELD ได้ทั้งหมดโดยไม่ผิดลิขสิทธิ์
โทรศัพท์ Android และโทรศัพท์ iPhone รุ่นเก่าก็ใช้ MagSafe ได้นะรู้ไหม?
ด้วย RHINOSHIELD แผ่นวงแหวนแม่เหล็ก ที่มาพร้อมนวัตกรรมแม่เหล็กพิเศษของ RHINOSHIELD ให้โทรศัพท์ส่วนใหญ่ในตลาดสามารถใช้งาน MagSafe ได้เช่นกัน เพียงติดตั้งแผ่นวงแหวนแม่เหล็กลงบนโทรศัพท์หรือเคสโทรศัพท์ที่คุณใช้!
คุณสามารถใช้งานโทรศัพท์ที่รองรับ MagSafe ได้สะดวกมากขึ้น เมื่อใช้งานร่วมกับ GRIPMAX ที่ติดหลังโทรศัพท์รองรับ MagSafe เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานร่วมกับการชาร์จ MagSafe ได้อีกด้วย
- ▪️ GRIPMAX กางออกและใช้งานโทรศัพท์องศาไหนก็ได้ตามต้องการ
- ▪️ ถือง่าย ใช้ได้สบาย เพียงสอดนิ้วเข้าไปก็สามารถถือได้แล้ว
- ▪️ ไม่ว่าจะใช้แนวตั้งหรือแนวนอน ก็สามารถสลับใช้งานง่าย
- ▪️ รองรับ MagSafe แรงดูดแม่เหล็กที่ทรงพลัง ไม่หล่นง่าย ๆ
- ▪️ ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ▪️ ออกแบบลายได้เองไม่ซ้ำใครแน่นอน
พร้อมหรือยังกับการใช้งาน MagSafe ด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่า? ไม่ว่าจะเป็นเคส MagSafe เคสรองรับ MagSafe สำหรับ iPhone 12, iPhone 13 หรือ iPhone 14 เราก็มีพร้อมให้เลือกซื้อได้ง่าย อยากชาร์จ MagSafe ให้ราบรื่น ไม่มีสะดุด พร้อมกับเสริมความแข็งแกร่งและสไตล์ที่ไม่เหมือนใครให้กับโทรศัพท์ บอกเลยว่า GRIPMAX และเคส MagSafe คือคำตอบ!