เคส iPad ไอเทมเสริมที่สาวก iPad ต้องมีติดเครื่องไว้!

เคส iPad ต้องเลือกใช้แบบไหน? แล้วเคส iPad แบบไหนดีที่สุด? วันนี้ “RHINOSHIELD” ขออาสาพาไปรู้จักกับเคส iPad แต่ละประเภท พร้อมแนะนำเคส iPad ให้เหมาะกับการใช้งานด้วย How to การมองหาเคส iPad ที่ใช่ในสไตล์ที่ชอบกับ RHINOSHIELD เคสแบบไหนเลือกใช้แล้วดีไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้


ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ iPad กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตใครหลาย ๆ คนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือใช้เพื่อความบันเทิง ด้วยขนาดที่บาง กะทัดรัด พกพาง่าย ฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็ม จึงทำให้บางคนหันมาพก iPad แทนการพกโน้ตบุ๊กมากขึ้น และถึงแม้ iPad จะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การใช้งานในด้านต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายกับตัวเครื่อง เพราะจากขนาดที่บางเฉียบเลยทำให้ตัวเครื่องโค้งงอได้ง่าย รวมถึงเมื่อตกหล่นก็ถลอกแตกหักได้ง่าย ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เคส iPad กลายเป็นไอเทมเสริมที่สาวก iPad ต้องมี เนื่องจากสามารถช่วยปกป้องความปลอดภัยของตัวเครื่องได้นั่นเอง


ปัจจุบันเคส iPad ไม่เพียงแต่ปกป้อง iPad จากรอยขีดข่วนและการตกหล่นเท่านั้น แต่ยังมีการปรับดีไซน์ของเคสให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้นอีกด้วย เช่น เคสหลาย ๆ รุ่น จะมีฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติม อย่าง ฝาปิดที่สามารถเปลี่ยนเป็นแท่นวางแบบปรับการวางได้หลายแบบ, คีย์บอร์ดในตัว, รางใส่ Apple Pencil ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้งานและฟังก์ชันการทำงานโดยรวมของ iPad ได้มากกว่าเคสธรรมดา ๆ แบบในอดีต ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงาน หรือคนที่ชอบใช้ iPad ในเวลาว่าง การลงทุนซื้อเคสคุณภาพดีและตอบโจทย์กับการใช้งานถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ๆ


เคส iPad มีกี่ประเภท? แตกต่างกันอย่างไร?


เมื่อพูดถึงประเภทของเคส หรือ Case RHINOSHIELD ขอบอกเลยว่าเคส iPad แบ่งประเภทได้หลายแบบมาก แต่ในส่วนนี้เราขอแบ่งประเภทตามวัสดุที่ใช้ในการผลิตเคสเพื่อให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน เพราะส่วนใหญ่แล้ววัสดุที่ใช้ในการผลิตเคสจะเกี่ยวข้องกับตัวเครื่องของ iPad ทั้งในแง่ของการป้องกันและความสวยงาม ซึ่งเคส iPad จะแบ่งประเภทตามวัสดุได้แบบไหนบ้างนั้น? ไปดูกันเลย 


โดยปกติแล้วเคสสำหรับ iPad จะแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้…


1. เคสซิลิโคน


เคสซิลิโคนเป็นที่นิยมในด้านความยืดหยุ่น การดูดซับแรงกระแทก และการยึดเกาะ รวมถึงให้ความรู้สึกที่ลื่นมือ มีความนิ่ม ทำให้ปกป้อง iPad จากการตกหล่นและการกระแทกได้ดี สำหรับการนำมาใช้กับ iPad เคสซิลิโคนมักมีการออกแบบที่บางและเข้ารูปเข้ามุม เมื่อใส่เคสกับ iPad แล้ว ตัวเคสจะไม่บังเลนส์กล้อง ช่องเสียบสายชาร์จ และปุ่มต่าง ๆ เคสประเภทนี้มีหลายสี หลายแบบให้เลือก ทั้งยังเป็นเคสที่สามารถถอด ใส่ และทำความสะอาดได้ง่าย 


2. เคสหนัง 


เคส iPad ที่เป็นเคสหนังจะเป็นเคสที่สะท้อนสไตล์คลาสสิกและสามารถป้องกันรอยขีดข่วนต่าง ๆ ได้ดีเช่นเดียวกับเคสซิลิโคน เคสหนังมักจะมีดีไซน์แบบฝาพับที่ครอบคลุมทั้งด้านหน้าและด้านหลังของ iPad และส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับการออกแบบที่เน้นคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น ช่องใส่การ์ด หรือช่องใส่เอกสาร ที่สำคัญเมื่อจับแล้วจะลื่นมือ ไม่รู้สึกกระด้าง


3. เคสพลาสติกโพลีคาร์บอเนต


เคสโพลีคาร์บอเนตเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเคส iPad ที่มีน้ำหนักเบาและทนทาน สามารถช่วยปกป้อง iPad จากรอยขีดข่วนและการกระแทกได้ดีเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปแล้วเคส iPadประเภทนี้ จะติดตั้งและถอดออกได้ง่าย มีการออกแบบช่องสำหรับการเข้าถึงปุ่มและช่องเสียบต่าง ๆ ให้สามารถใช้งานได้ง่าย ทั้งยังเป็นเคสที่มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบด้านและแบบใส เป็นต้น 


สำหรับเคส iPad 3 ประเภทหลัก ๆ นี้ก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลของเคสแต่ละแบบมาไว้ให้แล้วในตารางด้านล่างนี้ เพื่อให้ได้เห็นความแตกต่างของเคส iPad ทั้ง 3 แบบชัดเจนยิ่งขึ้น



ประเภทเคส iPad

ข้อดี

ข้อเสีย

เคสซิลิโคน

  • ➕ ราคาไม่แพง
  • ➕ นุ่มและยืดหยุ่น
  • ➕ ให้การยึดเกาะที่แน่น
  • ➕ ป้องกันรอยขีดข่วน รองรับแรงกระแทกได้ในระดับหนึ่ง 
  • ➖ สกปรกง่าย
  • ➖ การป้องกันที่จำกัดเมื่อตกจากที่สูง
  • ➖ เมื่อใช้ไปนาน ๆ จะเป็นสีเหลือง และทำความสะอาดได้ยาก

เคสหนัง

  • ➕ มีหลายแบบ, หลายสี
  • ➕ ทำความสะอาดง่าย
  • ➕ สัมผัสนุ่มถือสบาย
  • ➕ ป้องกันรอยขีดข่วน รองรับแรงกระแทกได้ในระดับหนึ่ง 
  • ➖ ตัวหนังเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย
  • ➖ หนังแท้มีราคาแพง
  • ➖ เมื่อใช้ไปนาน ๆ หนังจะลอกและเสื่อมสภาพ

เคสพลาสติกโพลีคาร์บอเนต

  • ➕ น้ำหนักเบา ทนทาน
  • ➕ ราคาไม่แพง
  • ➕ ปรับแต่งได้ง่าย ด้วยสี สไตล์ และลวดลายที่หลากหลาย 
  • ➕ ดูดซับแรงกระแทก
  • ➖ ไม่ได้ให้การยึดเกาะใด ๆ
  • ➖ เปลี่ยนสีตามการสึกหรอ
  • ➖ ไม่ทนต่อรอยขีดข่วน

หลังจากที่ได้เห็นกันไปแล้วว่าเคส iPad ทั้ง 3 ประเภทมีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้างกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเลือกใช้เคสประเภทไหนจากวัสดุอะไร จริง ๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ความต้องการ และงบประมาณของแต่ละคน


How to เลือกเคส iPad ที่ใช่ให้เหมาะกับการใช้งาน


เนื่องจากในปัจจุบันเคส iPad มีให้เลือกใช้หลากหลายประเภทมากขึ้นอยู่กับขนาดและรุ่นของ iPad แต่ละเครื่อง โดยเคสที่หนากว่ามักจะให้การปกป้องตัวเครื่องมากกว่า ในขณะที่เคสที่บางกว่ามักจะพกพาได้ง่ายกว่า ดังนั้นการเลือกเคส iPad เคสไหนสักแบบอาจขึ้นอยู่กับการใช้งานของ iPad ว่าเน้นการใช้งานแบบไหน และไม่ว่าจะเลือกเคส iPad แบบไหน ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเคสนั้นไม่ได้ทำให้ iPad ใช้งานได้ยาก หรือทำให้ตัวเครื่อง iPad เกิดปัญหา ซึ่งใครอยากรู้ว่าจะเลือกเคส iPad แบบไหนดีให้เหมาะกับการใช้งาน? ตามไปอ่านเทคนิคเลือกเคส iPad เพิ่มเติมกันได้เลย


1. เลือกจากรุ่นและขนาดที่ตรงกัน


ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเคส iPad ที่เลือกได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรุ่นของ iPad เพราะ iPad รุ่นต่าง ๆ จะมีขนาด การจัดวางปุ่ม และตำแหน่งของกล้องที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการเลือกเคสที่พอดีจะช่วยให้สามารถใช้ iPad ได้อย่างไร้กังวล


2. เลือกจากวัสดุ


เลือกวัสดุที่เหมาะกับความชอบและความต้องการ พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความทนทาน ระดับการป้องกัน การยึดเกาะ และความสวยงาม วัสดุอย่างซิลิโคนให้ความยืดหยุ่นและการดูดซับแรงกระแทก ในขณะที่หนังให้ความคลาสสิก ส่วนเคสพลาสติกมีน้ำหนักเบาและมีดีไซน์ที่หลากหลาย 


3. เลือกจากระดับการป้องกัน


หากเป็นคนที่ค่อนข้างซุ่มซ่ามการเลือกเคส iPad ที่เน้นการป้องกันจากการตกกระแทกเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก ๆ เพราะเคสประเภทนี้ช่วยเสริมการดูดซับแรงกระแทกและทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี


4. เลือกจากสไตล์และความสวยงาม


การเลือกใช้เคสที่มีความสวยงาม มีสี และลวดลายที่หลากหลาย ช่วยสะท้อนให้เห็นความเป็นตัวเองมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเลือกเคส iPad  ที่มีทั้งความสวยงามและกันกระแทกในเคสเดียวกันได้ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น  


5. เลือกจากฟังก์ชันการใช้งาน


สำหรับผู้ที่มองหาฟังก์ชันและความสะดวกสบายเพิ่มเติม เคส iPad ในปัจจุบันมีหลายคุณสมบัติให้เลือกมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น…


✔  เคสเชลล์

ให้การป้องกันจากรอยขีดข่วนและการกระแทกได้เล็กน้อย มักจะเป็นเคสแบบปิดด้านหลังของ iPad ส่วนด้านหน้าบริเวณหน้าจอจะโล่ง มีลักษณะที่บาง น้ำหนักเบา 


✔  เคสโฟลิโอ

ให้การปกป้องมากกว่าเคสเชลล์ เนื่องจากมี ฝาพับปิดหน้าจอ กรอบเคสด้านนอกที่แข็ง และซับในที่อ่อนนุ่ม ซึ่งเคส iPad เคสโฟลิโอมักจะมีฝาพับที่พับเป็นขาตั้งได้ในตัว ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานต่าง ๆ เช่น การดูหนัง หรือทำงาน นอกจากนี้อาจมีคุณสมบัติเพิ่มเติม อย่าง การรองรับ Apple Pencil หรือในบางรุ่นจะมีฝาพับที่มาพร้อมกับแม่เหล็กในตัวสำหรับการทำงานโหมดSleep/Wake เป็นต้น 


✔  เคสคีย์บอร์ด
หากคุณเป็นชาวออฟฟิศ หรือเป็นนักศึกษาที่พิมพ์งานบน iPad บ่อย ๆ เคสคีย์บอร์ดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของเคส iPad ที่ตอบโจทย์สำหรับการใช้งานในลักษณะนี้มาก ๆ โดยเคสเหล่านี้มักจะมีกรอบเคสด้านนอกที่แข็งและซับในที่อ่อนนุ่ม รวมถึงอาจจะยังมีคีย์บอร์ดบลูทูธในตัว หรือพื้นที่เคสสำหรับใส่คีย์บอร์ด เป็นต้น

6. เลือกจากรีวิวการใช้งาน


การเลือกเคส iPad จากคำรีวิวของผู้ใช้ iPad คนอื่น ๆ หรือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ จากการใช้งานจริง ๆ สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับคุณภาพ ความทนทาน และความพึงพอใจโดยรวมของเคส iPad ต่าง ๆ ได้อย่างดี


7. เลือกจากงบประมาณ 


แน่นอนว่าการเลือกเคส iPad สักเคสนั้นก็เกี่ยวกับเรื่องของงบประมาณด้วย แม้ว่าเคสระดับพรีเมียมอาจให้คุณภาพที่สูงกว่าและคุณสมบัติเพิ่มเติม แต่ก็ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์สำหรับงบประมาณที่จำกัด 


ดังนั้นเมื่อเลือกใช้เทคนิคเหล่านี้ในการเลือกเคส iPad คุณก็จะสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและเลือกใช้งานได้ตรงจุดประสงค์มากยิ่งขึ้น เมื่อเลือกเคส iPad ที่ตรงกับความต้องการ ความชอบ และงบประมาณแล้ว หากมีตัวเลือกของเคสในใจอยู่หลายแบบ อย่าลืมเปรียบเทียบตัวเลือกต่าง ๆ และจัดลำดับเคส iPad ที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้ได้เคสที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมมากที่สุด


เสริมการปกป้องให้ iPad คู่ใจด้วยเคส RHINOSHIELD


หลังจากที่ได้รู้เกี่ยวกับประเภทและเทคนิคการเลือกเคส iPad ที่เรานำมาฝากกันแล้ว หากคุณกำลังมองหาเคส iPad ที่ปกป้องแบบรอบด้านพร้อมรองรับสำหรับทุกโหมดการใช้งาน แถมดีไซน์หลากหลายจากแบรนด์ดังและจากศิลปินทั่วโลก บอกเลยว่า RHINOSHIELD Case มาพร้อมตัวเลือก Collaboration Design และ Original Design ให้คุณได้เลือกตามสไตล์ที่ต้องการแนะนำเคส iPad


ขอแนะนำเคส iPad RHINOSHIELD กับ 8 จุดเด่นที่ห้ามพลาด

    ✔  RHINOSHIELD เคส iPad ได้ออกแบบแผ่นด้านหลังของเคสให้มีความแข็งแรงทนทาน เสริม Bumper เนื้อนิ่มรอบด้านช่วยดูดซับแรงกระแทกมากขึ้น สามารถป้องกันรอยขีดข่วนจากการใช้งาน หน้าจอแตก หรือรอยร้าวบนเลนส์กล้องได้อย่างดี


    ✔ การปกป้อง iPad ที่เหนือกว่า Military Standard ผ่านการทดสอบการกันกระแทกระดับ 1.5 เมตร


    ✔ ShockSpread เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของ RHINOSHIELD น้ำหนักเบา พร้อมการดูดซับแรงกระแทกแบบขั้นกว่า


    ✔ คุณสมบัติเสริมขาตั้งที่ใช้งานได้มากถึง 5 รูปแบบ 20 องศาสำหรับพิมพ์งาน 45 องศาสำหรับเล่นเกม 50 องศาสำหรับดูวิดีโอ 55 องศาสำหรับประชุมงาน และ 45 องศาหมุนวางตั้งมุมที่ใช่สำหรับการอ่าน 


    เคส iPad ถอดประกอบฝาพับแบบแม่เหล็กที่มาพร้อมแม่เหล็กบนฝาปิด รองรับการใช้งาน Sleep/Wake


    ✔ มีรางด้านข้างเคสที่รองรับการใช้งาน Apple Pencil ไม่ว่าจะรุ่นที่ 1 หรือรุ่นที่ 2 ก็สามารถวางเก็บในเคส iPad ได้อย่างพอดี 


    ✔ ปราศจาก BPA BPS BPF และสารทาเลทอื่น ๆ ไม่เป็นอันตรายต่อผิว 


    เคส iPad ผลิตจากวัสดุที่ปราศจากการก่อมลภาวะ 100% เป็นไปตามมาตรฐานการรีไซเคิลสากล (GRS) เคสฝาพับด้วยแม่เหล็กถอดประกอบได้ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล


    นอกจากนี้ยังสามารถเสริมเกราะป้องกันให้กับหน้าจอที่บอบบางของ iPad จากรอยขีดข่วนและการกระแทกได้อีกขั้นด้วยฟิล์มใสกันรอยหน้าจอ ฟิล์มโพลีเมอร์เอกสิทธิ์เฉพาะของ RHINOSHIELD ที่มีความทนต่อแรงกระแทกสูง รวมถึงทนทานต่อรอยขีดข่วนต่าง ๆ เรียกได้ว่าหากใช้ทั้งเคส iPad กันกระแทกและฟิล์มหน้าจอกันกระแทกจาก ​​RHINOSHIELD คุณจะสามารถปกป้อง iPad คู่ใจได้รอบด้านแบบหายห่วงอย่างแน่นอน

    สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเคส iPad ต้องเลือกใช้แบบไหน? แล้วเคส iPad แบบไหนดีที่สุด? ขอแนะนำเคส iPad พร้อมฟิล์มกันหน้าจอกันกระแทก iPad จาก RHINOSHIELD รับรองไม่ผิดหวัง