iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร รวมจุดเด่นที่น่าสนใจของแต่ละระบบ

 

iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร…? iPhone กับ Android ต่างกันอย่างไร…?

iOS และ Android เป็นระบบปฏิบัติการหลัก 2 ระบบที่ใช้กันทั่วไปในสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต แม้ว่าทั้งสองจะมีฟังก์ชันการทำงานที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างที่สำคัญหลายประการที่แยกความแตกต่างออกจากกัน ระหว่างระบบ iOS ของ iPhone กับ Android จะมีความแตกต่างกัน ซึ่ง iOS ของ iPhone เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดย Apple สำหรับอุปกรณ์ของแบรนด์ตนเองโดยเฉพาะ เช่น iPhone หรือ iPad เป็นต้น ในทางกลับกัน Android เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยค่าย Google ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแบบ OpenSource ที่ใช้ทั่วไปในโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

แล้ว iPhone กับ Android ต่างกันอย่างไร…? มีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง…? ความแตกต่างที่โดดเด่นอย่างหนึ่งระหว่าง iOS และ Android อยู่ที่การออกแบบระบบของ iOS มุ่งเน้นไปที่อินเทอร์เฟซที่ทันสมัยและใช้งานง่าย และระบบปฏิบัติการ Android ให้ประสบการณ์ที่ปรับแต่งได้และยืดหยุ่นกว่า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งอุปกรณ์ของตนได้อย่างอิสระ 

จุดเด่นของระบบปฏิบัติการ iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร

 

เมื่อพูดถึงคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างของ iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร…? RHINOSHIELD ขอบอกเลยว่า iOS มีการผสานรวมกับอุปกรณ์และบริการอื่น ๆ ของ Apple รวมถึงยังสามารถย้ายไปมาระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างราบรื่น ซึ่งช่วยให้สามารถเชื่อมระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น AirDrop สำหรับการแชร์ไฟล์ที่ง่ายดาย ความต่อเนื่องเพื่อการเปลี่ยนระหว่างอุปกรณ์ที่ราบรื่น และ Handoff สำหรับทำงานต่อบนอุปกรณ์เครื่องอื่นของ Apple ที่อยู่ใกล้เคียง เป็นต้น

ส่วนระบบปฏิบัติการ Android จะเน้นลักษณะการใช้งานที่เปิดกว้างทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกอุปกรณ์ได้หลากหลายด้วยคุณสมบัติฮาร์ดแวร์และราคาที่แตกต่างกัน มีการผสานรวมกับบริการต่าง ๆ ของ Google เช่น Gmail, Google Maps และ Google Assistant นอกจากนี้ อุปกรณ์ Android มักจะมีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลที่ขยายได้และรองรับ USB OTG (On-The-Go) ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ เช่น Card Reader, Flash Drive, Mouse, Keyboard หรือ Joy-stick ได้

สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าจุดเด่นของระบบปฏิบัติการ iOS ของ iPhone กับ Android ต่างกันอย่างไร หรือควรเลือกใช้ iOS กับ Android อะไรดีกว่ากัน…? RHINOSHIELD ขอบอกเลยว่าการเลือกใช้ระหว่าง iPhone กับ Android ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว ระดับการปรับแต่งที่ต้องการ รวมถึงการผสานรวมกับอุปกรณ์และบริการอื่น ๆ นั่นเอง

ส่วน UI (User Interface) ส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานกับระบบ

ภาพรวมของแอปและระบบ

การเลือกใช้งานในแต่ละอุปกรณ์

ตัวเลือกการปรับแต่ง

คุณสมบัติฮาร์ดแวร์

หลาย ๆ คน คงจะรู้กันไปแล้วว่าความแตกต่างของ iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร ซึ่งความแตกต่างทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเด่นและคุณสมบัติที่น่าสนใจของ iOS และ Android ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกใช้งานระหว่าง iPhone กับ Android ล้วนขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับประสบการณ์ในการใช้งาน การปรับแต่ง ความพร้อมใช้งานของแอป และการผสานรวมกับอุปกรณ์และบริการอื่น ๆ ของแต่ละระบบปฏิบัติการ

ความนิยมของระบบปฏิบัติการของ iOS และ Android

หลังจากที่ได้รู้กันไปแล้วว่า iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร ระหว่างระบบปฏิบัติการ iOS ของ iPhone กับ Android ทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการนี้ก็ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยแต่ละระบบมีส่วนแบ่งการตลาดที่แตกต่างกันไป iOS ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับอุปกรณ์ Apple ได้รักษาฐานผู้ใช้ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง iPhone เป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบระดับพรีเมียม ประสิทธิภาพที่ราบรื่น และการผสานรวมกับการใช้งานของอุปกรณ์ Apple อย่างแข็งแกร่ง โดยระบบปฏิบัติการ iOS ได้รับความภักดีจากผู้ใช้ที่ชื่นชมความเรียบง่าย ความปลอดภัย และการผสานรวมที่ราบรื่นกับอุปกรณ์และบริการอื่น ๆ ของ Apple

ในทางกลับกัน Android ได้กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่โดดเด่นและถูกนำไปใช้ในสมาร์ตโฟนทั่วโลก ส่งผลให้มีอุปกรณ์ Android ให้เลือกหลากหลายในราคาหลายระดับ สิ่งนี้มีส่วนทำให้ Android ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและเป็นที่นิยมในหมู่ผู้คนทั่วโลก นอกจากนี้ ตัวเลือกการปรับแต่งของ Android ที่มีความยืดหยุ่น และความเข้ากันได้กับแอปและบริการของบุคคลที่สามทำให้ผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีควบคุมประสบการณ์ในการใช้งานอุปกรณ์ของตนได้มากขึ้น

ความนิยมของระบบปฏิบัติการทั้งสองล้วนเป็นผลมาจากความพร้อมใช้งานของภาพรวมของแอปและระบบ อย่าง App Store และ Google Play Store มีแอปพลิเคชันหลายล้านรายการที่ตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของผู้ใช้

นอกจากนี้ ปัจจัยระดับภูมิภาคและการเปลี่ยนแปลงของตลาดสามารถมีอิทธิพลต่อความนิยมของ iOS และ Android ในประเทศต่าง ๆ ในบางภูมิภาคอีกด้วย อุปกรณ์ iOS อาจแพร่หลายมากขึ้นเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การรับรู้ถึงแบรนด์ ในขณะที่ในบางภูมิภาค Android อาจครองตลาดเนื่องจากราคาย่อมเยาและความพร้อมใช้งานในอุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ ที่กว้างขึ้น โดยรวมแล้วหากพูดถึงระบบ iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร ต้องขอบอกเลยว่า iOS และ Android ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถืออย่างมาก ซึ่งแต่ละระบบปฏิบัติการที่ใช้ในสมาร์ตโฟนแต่ละรุ่นตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน 

• 🔹 ส่อง 3 สมาร์ตโฟนรุ่นฮิตจาก iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร 

สำหรับรุ่นยอดฮิตของ iPhone กับ Android ในช่วงต้นปี 2023 คงหนีไม่พ้น Galaxy S23 vs Pixel 7 vs iPhone 14 โดยแต่ละรุ่นก็จะมีความแตกต่างกันพอสมควรถึงแม้ว่าสมาร์ตโฟนทุกเครื่องจะมีราคาที่ใกล้เคียงกันก็ตาม วันนี้ RHINOSHIELD ขอพาทุกคนมาเปรียบเทียบ 3 สมาร์ตโฟนรุ่นฮิตจากว่า iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร พร้อม ๆ กันด้านล่างนี้

	Galaxy S23	Google Pixel 7	iPhone 14 Pro
จอแสดงผล	6.1-inch AMOLED, Adaptive 120Hz Refresh Rate	6.3-inch OLED, 90Hz Refresh Rate	6.1-inch Super Retina XDR OLED, 60Hz Refresh Rate
ขนาด	146.3 x 70.9 x 7.6 mm	155.6 x 73.2 x 8.7 mm	146.7 x 71.5 x 7.8 mm
น้ำหนัก	167g	197g	172g
ซอฟต์แวร์	Android 13-based One UI 5.0	Android 13	iOS 16
กล้องหลัง	กล้องหลัก 50MP, กล้อง Ultra wide 12MP, กล้อง Telephoto 10MP	กล้องหลัก 50MP กล้อง Ultra wide 12MP	กล้องหลัก 12MP กล้อง Ultra wide 12MP
กล้องหน้า	12MP	10.8MP	12MP กล้องหน้า TrueDepth
การจับภาพวิดีโอ	8K ที่ 30 fps	4K ที่ 60 fps	4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps
แบตเตอรี่และการชาร์จ	แบตเตอรี่ 3,900mAh ชาร์จ 25W	แบตเตอรี่ 4,355mAh ชาร์จ 20W	แบตเตอรี่ 3,279 mAh, 20W

หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าความแตกต่างของระบบปฏิบัติการ iOS กับ Android อะไรดีกว่ากันอย่างไร รวมถึง 3 สมาร์ตโฟนรุ่นฮิต 2023 อย่าง Galaxy S23 vs Pixel 7 vs iPhone 14 จาก iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร หลาย ๆ คนคงตัดสินใจง่ายขึ้นยิ่งกว่าเดิมว่าระหว่าง iPhone กับ Android สมาร์ตโฟนไหนถึงจะใช่กับเรามากที่สุด 

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาการปกป้องแบบขั้นกว่าสำหรับสมาร์ตโฟน ทั้ง iPhone และ Android เราขอแนะนำ RHINOSHIELD Case มือถือสำหรับสมาร์ตโฟนทุกรุ่นที่มาพร้อมวัสดุดูดซับแรงกระแทก สามารถป้องกันแรงกระแทกต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยมจากเทคโนโลยี ShockSpread ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์โดยเฉพาะ ซึ่งรับรองว่ากันกระแทกได้ดี มีหลากหลายสไตล์ หลากหลายสี หลากหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ 

โดยจุดเด่นของเคส RHINOSHIELD คือเป็นที่รู้จักในเรื่องของความทนทานและทนต่อแรงกระแทก ให้การป้องกันจากการตกหล่น รอยขีดข่วน และความเสียหายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้อีกจุดเด่นหนึ่งของแบรนด์ RHINOSHIELD เคสในรุ่นต่าง ๆ ของเราเลือกใช้วัสดุและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่นำไปใช้งานร่วมกัน 

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาเคส iPhone กับ Android หรือมองหาเคสลายแบบใหม่ล่าสุดสำหรับรุ่น Galaxy S23 Series, Pixel 7 Series หรือ iPhone 14 Series เคส RHINOSHIELD ของเราก็มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลายแน่นอน นอกจากจะมีเคสหลากหลายแบบแล้วที่ RHINOSHIELD ยังมาพร้อมบริการออกแบบเคสด้วยตัวเองให้ทุก ๆ คน สามารถปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และสร้างเคสมือถือที่มีชิ้นเดียวในโลกได้อีกด้วย 

อย่างที่รู้กันไปแล้วว่า iOS กับ Android ต่างกันอย่างไร เราต้องขอบอกก่อนเลย ไม่ว่าจะฝั่ง iPhone หรือฝั่ง Android ทาง RHINOSHIELD ก็มีเคสโทรศัพท์ ฟิล์มกันรอยหน้าจอ และสายคล้องโทรศัพท์ที่สามารถใช้งานได้กับทั้ง iPhone กับ Android  ใครอยากทำเคสลายเฉพาะของตัวเอง หรือมองหา Accessories อื่น ๆ อย่ารอช้า! คลิกไปที่เว็บไซต์ของเรากันได้เลย