ฤดูนี้ต้องญี่ปุ่น ชวนเก็บกระเป๋าไปสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน
วันหยุดนี้ไปเที่ยวไหนดี? ถ้ายังคิดไม่ออก RHINOSHIELD ขอชวนเก็บกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าไปสถานที่เที่ยวญี่ปุ่น
หนึ่งในประเทศยอดฮิตที่มีครบองค์ประกอบของทริปในฝัน ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม อาหาร ตลอดถึงบรรยากาศที่ดีต่อใจ จึงไม่แปลกใจเลยที่ญี่ปุ่นสถานที่ท่องเที่ยวจะยังครองใจนักเดินทางทั่วโลกอย่างไม่เสื่อมคลาย ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นสายธรรมชาติ สายแฟชั่น หรือสายถ่ายรูป บทความนี้จะมาแนะนำเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่น และ 15 แหล่งท่องเที่ยวในโตเกียวที่น่าสนใจ พร้อมบอกต่อไอเท็มเด็ดอย่างเคสมือถือคอลเลกชัน กลิ่นอายญี่ปุ่น จาก RHINOSHIELD ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับเสน่ห์จากดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น ให้คุณพร้อมออกทริปและคุมธีม ถ่ายรูปสวยไม่มีสะดุด!
ทำความรู้จักญี่ปุ่นเบื้องต้นก่อนไปสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นของจริง
ก่อนไปตะลุยสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นที่ใคร ๆ ก็อยากไปเยือนและดูว่าควรซื้อไอเท็มดี ๆ ติดตัวไปเที่ยวทริปนี้จาก RHINOSHIELD ดีไหม เราจะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับประเทศญี่ปุ่นให้มากขึ้นกันก่อน
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ซึ่งมีทั้งธรรมชาติอันสวยงาม ภูมิอากาศที่หลากหลาย วัฒนธรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ไปจนถึงอาหารท้องถิ่นรสเลิศและประเพณีอันลึกซึ้ง
ญี่ปุ่นแบ่งออกเป็น 8 ภูมิภาคหลัก ตั้งแต่ภาคเหนืออย่างฮอกไกโดที่ปกคลุมด้วยหิมะในฤดูหนาว ไปจนถึงภาคใต้สุดอย่างโอกินาว่าที่มีทะเลสีฟ้าใสเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งแต่ละภูมิภาคก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้การเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นสถานที่ท่องเที่ยวนั้นไม่มีคำว่าเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่ที่คึกคักอย่างโตเกียว โอซาก้า หรือเมืองเล็กน่ารักท่ามกลางหุบเขา ผนวกกับเทศกาลตามฤดูกาลอย่างซากุระบานหรือใบไม้เปลี่ยนสีที่รอให้คุณไปสัมผัส รับรองว่าทริปไปสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นนี้จะเต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ และโมเมนต์น่าประทับใจแน่นอน
เช็กให้ชัวร์ก่อนไปสถานที่เที่ยวญี่ปุ่น สภาพอากาศช่วงไหนดีสุด
หนึ่งในเสน่ห์ของสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นคือญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความหลากหลายของฤดูกาลที่ชวนให้ไปเยือนได้ตลอดปี ไม่ว่าคุณจะหลงใหลในดอกซากุระ หิมะสีขาวนวล หรือใบไม้เปลี่ยนสีสุดโรแมนติก ทุกช่วงเวลาตามเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นก็ต่างมีเสน่ห์เฉพาะตัว ดังนั้นหากคุณกำลังวางแผนทริปไปยังญี่ปุ่นสถานที่ท่องเที่ยวให้ครบทุกไฮไลต์ การเลือกช่วงเวลาให้เหมาะกับสภาพอากาศจะเป็นเรื่องสำคัญสุด ๆ ที่ควรใส่ใจ RHINOSHIELD จึงจะพาไปดูกันว่าแต่ละฤดูในญี่ปุ่นมีอะไรที่คุณไม่ควรพลาดบ้าง หรือควรจะวางแผนไปฤดูกาลไหนดีถึงจะเก็บความทรงจำดี ๆ จากสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นกลับมาได้แบบจัดเต็ม
ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – พฤษภาคม) | อุณหภูมิ 2° - 24°C
ถ้าเอ่ยถึงฤดูยอดฮิตสำหรับญี่ปุ่นสถานที่ท่องเที่ยว คงเป็นอะไรไม่ได้นอกจากฤดูใบไม้ผลิ เพราะเป็นช่วงที่เมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่งทั่วประเทศ ทั้งยังมีอากาศที่กำลังดี เย็นสบาย เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายรูป และสัมผัสบรรยากาศอบอุ่นในเมืองใหญ่
ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) | อุณหภูมิ 16° - 30°C
แม้จะเริ่มต้นด้วยช่วงฝนตกและอากาศค่อนข้างร้อนชื้น แต่ฤดูร้อนในเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นก็เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคักจากหลากหลายเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นงานดอกไม้ไฟสุดอลังการ ขบวนพาเหรดแบบดั้งเดิม หรือกิจกรรมกลางแจ้งที่จัดขึ้นทั่วประเทศ
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) | อุณหภูมิ 7° - 27°C
อีกหนึ่งช่วงเวลาที่โรแมนติกไม่แพ้ฤดูใบไม้ผลิก็คือฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากทั่วทั้งสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นจะถูกแต่งเติมด้วยสีสันของใบไม้สีแดง ส้ม เหลือง โดยเฉพาะเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นแถบภูเขาและสวนสาธารณะต่าง ๆ ที่กลายเป็นแหล่งเช็กอินยอดฮิต
ฤดูหนาว (ธันวาคม – มีนาคม) | อุณหภูมิ -6° - 20°C
ถ้าคุณอยากไปตะลุยหิมะหรือเป็นผู้ที่หลงใหลในอากาศเย็น ๆ ฤดูหนาวในเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นชื่อดังอย่างฮอกไกโด หรือซัปโปโร จะกลายเป็นโลกแห่งหิมะสีขาว นอกจากนี้ในเมืองอื่น ๆ ก็ยังมีอากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การเดินเล่นยามค่ำคืน
เมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นไหนบ้างที่คุณต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง?
อย่างที่ทราบกันว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เที่ยวได้ทั้งปี มีเสน่ห์เฉพาะตัวในแต่ละฤดู ทั้งยังเต็มไปด้วยเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นหลากหลายสไตล์ จนหลายคนอาจลังเลว่าจะเลือกไปเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นไหนดี เพราะแต่ละแห่งก็มีจุดเด่นต่างกันไป บางเมืองเหมาะกับสายกิน บางเมืองเหมาะกับสายธรรมชาติ บางเมืองก็เป็นสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยแสงสีสุดสนุก ดังนั้นวันนี้ RHINOSHIELD เลยขอชวนมาเช็กลิสต์เมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นที่คุณต้องไปให้ได้สักครั้ง ใครกำลังแพลนทริปหรือมองหาไอเดียทัวร์ญี่ปุ่นอยู่บอกเลยว่าห้ามพลาด
โอซาก้า (Osaka)
โอซาก้า หนึ่งในเมืองใหญ่อันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นในภูมิภาคคันไซที่มีทั้งความทันสมัยและกลิ่นอายวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมผสมผสานกันอย่างลงตัว ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารสุดอร่อยจนได้ฉายาว่า "ครัวของญี่ปุ่น" โดยเฉพาะทาโกะยากิและโอโคโนะมิยากิที่หากินได้ทุกหัวมุมถนน นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งจุดเด่นก็คือย่านโดทงโบริที่เต็มไปด้วยร้านค้าและป้ายไฟนีออนสุดอลัง ที่สำคัญ ห้ามพลาด Universal Studios Japan ที่สนุกได้ทั้งวัน หรือจะไปเช็กอินกับวิวสวยๆ ที่ปราสาทโอซาก้าก็ประทับใจไม่แพ้กันอย่างแน่นอน
ฟุกุโอกะ (Fukuoka)
ฟุกุโอกะ อีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นบนเกาะคิวชูตอนใต้ของญี่ปุ่น ที่นี่มีทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และความชิลในแบบเมืองท่าริมทะเล เหมาะมากสำหรับคนที่อยากเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ ไฮไลต์ของเมืองนี้คือ “สวนโอโฮริ” อันเงียบสงบที่สามารถไปเดินเล่นในวันแดดอ่อน ๆ รวมถึง “ฟุกุโอกะทาวเวอร์” ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองได้แบบพาโนรามา ที่สำคัญ ที่นี่เป็นบ้านเกิดของ "ทงคัตสึราเม็ง" ราเม็งซุปกระดูกหมูรสเข้มข้น หากใครอยากลิ้มลองรสชาติของต้นตำรับ ฟุกุโอกะจะเป็นเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาด
ซัปโปโร (Sapporo)
ซัปโปโร ศูนย์กลางของเกาะฮอกไกโดที่มีเสน่ห์ต่างจากเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นอื่น ๆ โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่ทั้งเมืองจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน เหมาะมากสำหรับคนที่อยากสัมผัสบรรยากาศ
ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอย่างเต็มที่ ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์เด็ดของเมืองนี้ก็คือเทศกาลหิมะซัปโปโรที่สวนโอโดริที่จะมีการแกะสลักน้ำแข็งขนาดใหญ่อย่างอลังการ รวมถึงการไปเล่นสกีที่ Sapporo Kokusai Ski Resort ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจากตัวเมือง
ยามานาชิ (Yamanashi)
ยามานาชิ เมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นที่เหมาะมากสำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติและอยากชมวิวภูเขาไฟฟูจิแบบใกล้ชิด เมืองนี้ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูบุ ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาและต้นไม้เขียวขจี ไฮไลต์ห้ามพลาดคือ
“หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค” หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีบ่อน้ำใสสะอาดจากธารน้ำภูเขาไฟฟูจิถึง 8 บ่อ สำหรับใครที่ชอบความตื่นเต้น แนะนำให้ลอง “Fuji-Q Highland” สวนสนุกชื่อดังที่มีเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว พร้อมด้วยวิวภูเขาเป็นฉากหลัง สุดท้ายอย่าลืมไปที่ “ทะเลสาบคาวากุจิโกะ” จุดถ่ายรูปยอดนิยมที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้แบบเต็มตา
โยโกฮาม่า (Yokohama)
อีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นที่น่าสนใจคือโยโกฮาม่า เมืองท่าน่าเที่ยวใกล้โตเกียว เดินทางแค่ครึ่งชั่วโมงก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศแบบไม่ซ้ำใคร เมืองนี้มีทั้งความทันสมัยและวิวริมทะเลสวยๆ จุดเช็กอินเด่นได้แก่ย่าน “Minato Mirai 21” เต็มไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ และจุดชมวิวจาก Yokohama Landmark Tower มองเห็นแทบทั้งอ่าวโตเกียว นอกจากนี้ที่นี่ยังมี “Cup Noodle Museum” พิพิธภัณฑ์บะหมี่ถ้วยชื่อดังที่ทั้งสนุกและได้ความรู้อีกด้วย
บอกต่อ 15 แหล่งท่องเที่ยวในโตเกียว เมืองหลวงแห่งความหลากหลาย
หากคุณยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรไปเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นไหนดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อน RHINOSHIELD ขอแนะนำให้เริ่มต้นที่ “โตเกียว” มหานครใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทันสมัยและวัฒนธรรมน่าสนใจ โตเกียวถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยเสน่ห์ของเมืองหลวงที่ผสมผสานทั้งแฟชั่น เทคโนโลยี อาหาร และศิลปวัฒนธรรมไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่กำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก หรือคนที่เคยไปมาแล้ว โตเกียวก็ยังคงมีมุมใหม่ ๆ ให้ค้นหาอยู่เสมอ เพราะที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และนี่คือ 15 แหล่งท่องเที่ยวในโตเกียวที่คุณควรไปสัมผัส
1. วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple): วัดพุทธเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว ตั้งอยู่ย่านอาซากุสะ โดดเด่นด้วยประตูคามินาริมงและถนนนากามิเสะที่เต็มไปด้วยของฝากและขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
2. โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree): หอคอยสูงที่สุดในญี่ปุ่น ให้คุณชมวิวเมืองแบบ 360 องศา ทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมแหล่งช้อปปิ้ง คาเฟ่ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำครบจบในที่เดียว
3. ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine): สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางป่าร่มรื่นใจกลางเมือง เหมาะสำหรับการขอพร เรียกพลังบวก และพักใจท่ามกลางความเงียบสงบ
4. พิพิธภัณฑ์ TeamLab Planets: ไอคอนแห่งความทันสมัยของโตเกียว พบกับแยกชิบูย่าคลาสสิก รูปปั้นฮาจิโกะ และแหล่งแฟชั่นสุดอินเทรนด์ที่ไม่ควรพลาด
5. ย่านชิบูย่า (Shibuya): แยกชิบูย่าครอสซิ่งสุดวุ่นวายแต่เป็นเอกลักษณ์กับรูปปั้นฮาจิโกะที่ไม่เคยหายไปจากใจคน แถมยังมี Shibuya Scramble Square ที่ขึ้นไปดูวิวจาก Sky Deck ได้แบบพรีเมียม
6. ย่านชินจูกุ (Shinjuku): ครบเครื่องทั้งกลางวันและกลางคืน มีทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สวนสาธารณะ ไปจนถึงย่านบันเทิงยามค่ำคืนที่ไม่เคยหลับใหล
7. โอไดบะ (Odaiba): เกาะเทียมกลางโตเกียวที่ครบครันทั้งห้างสรรพสินค้า สวนสนุก วิวริมอ่าว และหุ่นกันดั้มตัวใหม่ที่แฟน ๆ ห้ามพลาด
8. โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ต (Tokyo Disney Resort): สวนสนุกระดับโลกที่ครอบคลุมทั้ง Disneyland และ DisneySea ซึ่งตอนนี้มีโซนใหม่ "Fantasy Springs" เปิดแล้วในปี 2025
9. ตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji Outer Market): แม้ตลาดปลาหลักจะย้ายไป แต่โซนตลาดนอกยังคึกคักไม่เปลี่ยน เต็มไปด้วยของกินสดใหม่ตั้งแต่ปลาดิบ ซูชิ ไปจนถึงของทอดและขนมหวานญี่ปุ่น
10. ย่านอากิฮาบาระ (Akihabara): สวรรค์ของสายโอตาคุ เต็มไปด้วยร้านฟิกเกอร์ คาเฟ่เมด และเกมอาร์เคดสุดคลาสสิก เดินเข้าออกร้านทั้งวันก็ไม่เบื่อ
11. Tokyo Midtown Yaesu: Landmark ใหม่ใจกลางโตเกียวที่รวมเอา เทคโนโลยี ความหรูหรา และศิลปะญี่ปุ่นร่วมสมัยไว้ในที่เดียว เหมาะกับสายช้อปและผู้ที่ชอบถ่ายรูปสวย ๆ
12. สวนโยโยงิ (Yoyogi Park): สวนขนาดใหญ่ใจกลางเมือง เหมาะกับการปิกนิก วิ่งออกกำลังกาย หรือแค่พักผ่อนชิล ๆ โดยเฉพาะช่วงซากุระหรือใบไม้เปลี่ยนสี
13. ย่านคางุระซากะ (Kagurazaka): ย่านเล็ก ๆ แต่อบอุ่น กลิ่นอายญี่ปุ่นแบบเก่า ผสมกับคาเฟ่และร้านขนมแบบฝรั่งเศส เหมาะกับสายชิลและคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่
14. พิพิธภัณฑ์ Ghibli Park (Ghibli Museum & Park): แฟนแอนิเมชัน Studio Ghibli ต้องไม่พลาด ปี 2025 โตเกียวเปิดโซนจัดแสดงใหม่ให้สัมผัสโลกของ Totoro, Spirited Away และอื่น ๆ อีกมากมาย
15. Shibuya Scramble Square & Sky: ตึกระฟ้าแห่งใหม่ติดกับสถานีชิบูย่า ขึ้นลิฟต์ไปชมวิวบน Shibuya Sky ที่เห็นโตเกียวได้รอบทิศทาง มีทั้งจุดถ่ายรูปมุมสูงและคาเฟ่สุดคูลในบรรยากาศสุดล้ำ
ไปสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นแบบไร้กังวล ต้องมีอุปกรณ์กันโทรศัพท์ตก และถ่ายรูป
หากคุณหลงใหลในศิลปะและวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น มาร่วมทำให้ทริปญี่ปุ่นของคุณได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นให้ชัดขึ้นด้วยคอลเลกชันต่างๆกับเทศกาล "Unfolding Japan 2025" จาก RHINOSHIELD ที่ถ่ายทอดความงามของญี่ปุ่นผ่านดีไซน์บนเคสโทรศัพท์และอุปกรณ์เสริม ไม่ว่าจะเป็นลายอุคิโยะเอะสุดคลาสสิก ผลงานของแวนโก๊ะที่ได้แรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น หรือดีไซน์ญี่ปุ่นสไตล์ยุคใหม่ คอลเลกชันนี้มีให้เลือกครบทั้งเคสมือถือ เคส AirPods GRIP ไปจนถึงกระบอกน้ำที่รองรับ MagSafe ให้คุณพกพาความเป็นญี่ปุ่นไปได้ทุกที่ พร้อมปกป้องอุปกรณ์ที่รักอย่างมีสไตล์ในทุกการเดินทาง
เคสโทรศัพท์
คุณชอบศิลปะแบบดั้งเดิม หรือแบบสมัยใหม่มากกว่ากัน? ตั้งแต่ภูเขาไฟฟูจิ เกลียวคลื่น ไปจนถึงแมวนำโชคสุดน่ารัก
ให้ทุกลายสะท้อนตัวตนของคุณ ด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
เปลี่ยนแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ให้กลายเป็นสไตล์ที่ใช่ในทุกวัน ผ่านคอลเลกชันกลิ่นอายญี่ปุ่น จาก RHINOSHIELD ได้แล้ววันนี้
GRIP
GRIP เป็นอุปกรณ์ติดหลังโทรศัพท์มือถือที่ออกแบบมาให้คุณถือโทรศัพท์ได้สะดวกและมั่นคงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่โทรศัพท์จะหลุดจากมือขณะเดินทาง โดยทาง RHINOSHIELD มี GRIP ให้คุณเลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น GRIP O, GRIPMAX หรือ GRIPMINI
สายคล้องโทรศัพท์
สำหรับใครที่ไม่ต้องการหยิบโทรศัพท์เข้าออกกระเป๋าบ่อย ๆ สายคล้องโทรศัพท์จาก RHINOSHIELD จะช่วยให้คุณสามารถคล้องโทรศัพท์มือถือไว้ที่มือหรือสะพายไว้ข้างตัวได้ ทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยสายคล้องโทรศัพท์จาก RHINOSHIELD มีทั้งรุ่น Ultra 2-in-1 ที่ปรับโหมดการใช้งานได้ถึง 3 แบบ สายคล้องอเนกประสงค์ที่กระจายน้ำหนักได้ดี สายคล้องข้อมือที่น้ำหนักเบาและพกพาง่าย ตลอดถึงสายคล้อง Crossbody ที่มีห่วงสำหรับแขวนอุปกรณ์เสริม
กระบอกน้ำ AquaStand
น้ำดื่มคือสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ระหว่างการท่องเที่ยว AquaStand จาก RHINOSHIELD ไม่ใช่แค่กระบอกน้ำธรรมดา แต่เป็นกระบอกน้ำที่สามารถเก็บอุณหภูมิร้อนและเย็นได้ถึง 8 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชันวางมือถือ ปรับมุมใช้งานได้ 15–90 องศา ใช้ดูแผนที่หรือดูคลิปก็สะดวก รองรับ MagSafe และถอดล้างง่าย พกชิ้นเดียวจบ ทั้งดื่ม ตั้ง และถ่ายรูป
สถานที่เที่ยวญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายคน เพราะเต็มไปด้วยเสน่ห์และประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากคุณกำลังมองหาทริปต่างประเทศในวันหยุด ญี่ปุ่นสถานที่ท่องเที่ยวก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด และถ้าอยากให้ทริปนี้ทั้งสนุก คล่องตัวยิ่งกว่าเดิม RHINOSHIELD ก็พร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางของคุณด้วยไอเทมที่จะช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายขึ้น แต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากอะไรดี หรือไม่รู้ว่า RHINOSHIELD ซื้อที่ไหน ลองเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเลือกช้อปได้เลยที่เว็บไซต์ของเรา