เคสซิลิโคน VS เคสแข็ง เลือกใช้เคสมือถือแบบไหนดี

เคสซิลิโคน หรือเคสแข็ง แบบไหนถึงจะดีกับโทรศัพท์มือถือของเรากันแน่นะ? หลาย ๆ คน คงเคยสงสัยกับคำถามนี้มาตลอดว่า เคสโทรศัพท์ซิลิโคน หรือเคสโทรศัพท์แบบแข็ง แบบไหนจะถนอมโทรศัพท์ได้มากกว่ากัน บ้างก็คิดว่าซิลิโคนเคสเนื้อนิ่มดีกว่า บ้างก็คิดว่าเคสแข็งเนื้อพลาสติกดีกว่า วันนี้ “RHINOSHIELD” ขออาสาพาทุกคนไปรู้ถึงข้อเปรียบเทียบระหว่างเคสซิลิโคน และเคสแข็งให้มากยิ่งขึ้น พร้อมบอกต่อข้อแนะนำการเลือกเคสให้เหมาะสมกับการใช้งานให้มากที่สุด ซึ่งจะมีรายละเอียดต่าง ๆ อย่างไรบ้างนั้น ตามไปอ่านกันได้เลย 

 

เคสซิลิโคน VS เคสแข็ง พร้อมข้อเปรียบเทียบ 

จะเลือกใช้เคสโทรศัพท์แบบซิลิโคน หรือแบบพลาสติกเนื้อแข็งดี?  แล้วแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? ก่อนที่จะไปรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเคสซิลิโคน และเคสแข็งนั้น “RHINOSHIELD” ขออธิบายให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่าเคสโทรศัพท์ซิลิโคนและเคสโทรศัพท์แบบแข็งคืออะไร มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร 

 

เคสซิลิโคน คืออะไร 

เคสซิลิโคน หรือเคสโทรศัพท์เนื้อนิ่ม คือเคสแบบอ่อนนุ่มที่ทำจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่น อย่าง ซิลิโคนนั่นเอง ซึ่งซิลิโคนเคสเป็นเคสโทรศัพท์แบบนิ่มที่มีลักษณะบาง มีความนุ่มมาก เหนียวเล็กน้อยเมื่อสัมผัส และยึดเกาะกับพื้นผิวที่วางอยู่ได้อย่างดี โดยรวมแล้วสามารถให้การปกป้องที่ดีสำหรับโทรศัพท์มือถือ เพราะวัสดุที่อ่อนนุ่ม ยืดหยุ่น สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ง่าย นอกจากนี้เคสโทรศัพท์แบบนิ่มที่ทำจากซิลิโคนนี้ ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม เพราะทำจากวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้

ถึงแม้เคสซิลิโคนจะนิ่ม ยืดหยุ่น ให้การปกป้องที่ดีกว่าต่อความเสียหายสำหรับโทรศัพท์ เพราะวัสดุที่อ่อนนุ่มจึงสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ง่าย แต่เคสโทรศัพท์ซิลิโคนนั้นก็สีหมองลงและเสื่อมสภาพได้ง่าย อาจเกิดรอยเล็ก ๆ จากพื้นผิวที่เสียดสี และยังจับฝุ่นและสารอื่นๆ ได้ง่าย เมื่อเวลาผ่านไปเคสซิลิโคนโทรศัพท์นี้จะยืดออกตามธรรมชาติ เนื่องจากการหยิบจับ การหล่น หรือการบีบ ตรงนี้จะทำให้เคสเป็นสีน้ำตาลและสูญเสียการยึดเกาะ 

  • จุดเด่นของเคสแบบซิลิโคน
1. มีความยืดหยุ่น ยึดเกาะได้ดี
2. ง่ายต่อการสัมผัส ง่ายต่อการกดปุ่มต่าง ๆ
3. ความสามารถในดูดซับแรงกระแทกที่เพียงพอ
    • จุดด้อยของเคสแบบซิลิโคน
    1. เป็นคราบเปื้อนได้ง่าย
    2. วัสดุยืด สีหมองลง และเสื่อมสภาพรวดเร็ว
    3. ความยืดหยุ่นอาจทำให้เคสหลุดออกได้ เมื่อโทรศัพท์ตก

       

      เคสแข็ง คืออะไร

      เคสแข็ง หรือเคสโทรศัพท์แบบเนื้อแข็ง คือเคสแบบเปลือกแข็งที่จะคลุมทั้งด้านหลังของโทรศัพท์มือถือและมุมทั้งสี่ มักมีลักษณะเป็นแบบผิวด้านและเงา ซึ่งเคสโทรศัพท์แบบแข็งช่วยปกป้องด้านหลังและด้านข้างของโทรศัพท์มือถือจากการกระแทก การตกหล่น และรอยขีดข่วนได้เช่นเดียวกับเคสซิลิโคน

      แต่ในทางกลับกันเคสแข็งจะไม่สามารถยึดเกาะบนวัตถุได้  การไม่มีแรงเสียดทานในจุดต่าง ๆ เช่น กระเป๋ากางเกง โต๊ะ หรือจุดอื่น ๆ อาจทำให้โทรศัพท์ลื่นได้ง่ายขึ้นและหล่นลงมาได้ ที่สำคัญเคสโทรศัพท์แบบแข็งไม่สามารถรับแรงกระแทก หรือดูดซับแรงกระแทกจากการตกหล่นได้โดยตรง แต่จะกระจายแรงกระแทกผ่านเคส เพื่อปกป้องโทรศัพท์ให้ความรุนแรงของความเสียหายลดลง เคสโทรศัพท์แบบแข็งมีประสิทธิภาพในการปกป้องโทรศัพท์จากความร้อนและความเย็นที่มาจากสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าซิลิโคนเคส แต่ก็ทำให้ความร้อนที่เกิดจากแบตเตอรี่ของโทรศัพท์ระบายออกได้ยากเช่นกัน

      • จุดเด่นของเคสแบบแข็ง
      1. คุณภาพวัสดุแข็งแรง ใช้งานได้ยาวนาน
      2. เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี
      3. ไม่เสื่อมสภาพจากการยืด
        • จุดด้อยของเคสแบบแข็ง
        1. ถ่ายเทความร้อนไม่ดี
        2. วัสดุไม่ยึดเกาะ ไม่สามารถดูดซับแรงกระแทกได้โดยตรง
        3. เคสแข็งบางรุ่นอาจทำให้เข้าถึงปุ่มและพอร์ตต่าง ๆ ของโทรศัพท์ได้ยาก

           

          หลังจากที่รู้จักกับเคสซิลิโคนและเคสแข็งกันไปแล้ว จะเห็นได้ว่าทั้งเคสซิลิโคนที่เป็นซิลิโคนเคสเนื้อนิ่มและเคสพลาสติกแบบแข็งมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันโทรศัพท์ในการตกหล่นเช่นกัน ถึงแม้จะมีข้อแตกต่างกันในด้านอื่น ๆ ก็ตาม ซึ่งเคสแบบซิลิโคนเน้นเรื่องความยืดหยุ่น สามารถใส่ และถอดได้ง่ายกว่า ส่วนเคสแบบแข็งเป็นเคสที่ทนทานได้รับการออกแบบมาให้มีความแข็งแรง เน้นการใช้งานที่ยาวนานมากกว่านั่นเอง สำหรับใครที่อยากเห็นข้อเปรียบเทียบมากขึ้น ด้านล่างนี้เป็นการสรุปข้อเปรียบเทียบระหว่างเคสซิลิโคนและเคสแข็งในรูปแบบของตารางที่ช่วยให้เห็นข้อแตกต่างได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

           

          คุณสมบัติ / ประเภทของเคส

          เคสซิลิโคน

          เคสแข็ง

          วัสดุที่ใช้ผลิต

          ซิลิโคน

          พลาสติก และอื่น ๆ

          ระยะเวลาในการใช้งาน

          เสื่อมสภาพง่าย

          ระยะเวลาใช้งานไม่ยาวนาน

          แข็งแรง

          ระยะเวลาใช้งานยาวนาน

          ความสามารถในดูดซับแรงกระแทก

          ดูดซับแรงกระแทก

          ไม่ดูดซับแรงกระแทก

          ความสามารถในการกระจายแรงกระแทก เพื่อลดความเสียหาย

          ไม่กระจายแรงกระแทก

          กระจายแรงกระแทก

          ความสามารถในการยึดเกาะ

          ยึดเกาะได้ดี

          ไม่ยึดเกาะ

          ความสามารถฉนวนกันความร้อน

          ไม่เป็นฉนวนกันความร้อน

          ฉนวนกันความร้อนที่ดี

          ความสามารถในการเข้าถึงปุ่มต่าง ๆ

          สัมผัสนุ่ม เข้าถึงได้ง่าย

          บางรุ่นเข้าถึงยาก

           

          สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเคสแบบไหนดีระหว่างเคสซิลิโคนและเคสแข็ง ที่ “RHINOSHIELD” มาพร้อมเคสตัวเลือกดี ๆ ที่ผสานรวมระหว่างจุดเด่นของเคสโทรศัพท์ซิลิโคนและเคสแข็งไว้ในเคสเดียวกัน ซึ่งเป็นเคสที่มีเนื้อที่ไม่แข็งมาก ได้รับการออกแบบมาให้ไม่ขูดเครื่องแม้จะทำจากพลาสติกแข็ง ซึ่งผลิตมาจากเทคโนโลยี ShockSpread ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ สามารถดูดซับแรงกระแทกและกระจายแรงกระแทกได้ดี น้ำหนักเบา นอกจากนี้ชั้นในของเคสโทรศัพท์ยังมาพร้อมโครงสร้างแบบรังผึ้ง ช่วยเพิ่มการดูดซับแรงกระแทกเพิ่มขึ้น ตัวเคสมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ ทั้งยังออกแบบและปรับแต่งเคสได้เองตามสไตล์ที่ต้องการ 

           

          ข้อแนะนำการเลือกเคสให้เหมาะสมกับการใช้งาน

          หลังจากการเปรียบเทียบให้เห็นถึงจุดเด่นและจุดด้อยของเคสซิลิโคนและเคสแข็งแล้ว “RHINOSHIELD” ขอบอกต่อข้อแนะนำในการเลือกเคสให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด รับรองว่าข้อแนะนำเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณจะได้เคสโทรศัพท์มือถือที่ถูกใจในสไตล์ที่ชอบอย่างแน่นอน จะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปอ่านเพิ่มเติมกันได้เลย

          1. ความเข้ากันได้ของเคสโทรศัพท์

          ก่อนที่คุณจะเลือกเคสโทรศัพท์ คุณต้องแน่ใจก่อนว่าเคสที่เลือกนั้นเข้ากันได้กับขนาดของโทรศัพท์ ยกตัวอย่างเช่น เคส iPhone 7 และ 8 รวมไปถึงเคส iPhone X และ XS เป็นเคสของรุ่นที่สามารถใส่ด้วยกันได้ แต่นอกเหนือจากรุ่นต่อไปนี้นั้น ควรเช็กรายละเอียดให้รอบคอบก่อนเลือกซื้อ เพื่อให้เคสสามารถใส่ได้พอดีกับรุ่นของโทรศัพท์และจะได้ไม่เสียเงินโดยเสียเปล่า

           2. วัสดุของเคสโทรศัพท์

          สิ่งสำคัญขั้นต่อไปคือคุณต้องพิจารณา คือวัสดุของเคสโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุของเคสแบบเคสซิลิโคน, เคสแข็งพลาสติก, เคสหนัง หรือวัสดุอื่น ๆ แน่นอนว่าทุกวัสดุมีความสำคัญกับโทรศัพท์มือถือ เพราะส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานโทรศัพท์ของคุณโดยตรง ซึ่งวัสดุเหล่านี้ยังเกี่ยวข้องกับการปกป้องโทรศัพท์จากการหล่น รอยขีดข่วน หรือการกระแทกอีกด้วย 

          3. คุณสมบัติเคสโทรศัพท์

          ปัจจุบันเคสโทรศัพท์ยังมีคุณสมบัติเสริมอื่น ๆ อีก เช่น ที่เก็บบัตรเครดิต, ขอบยกมุมเพื่อป้องกันหน้าจอเมื่อตก, เคสป้องกันเลนส์กล้อง, หรือเคสที่รองรับ MagSafe เป็นต้น ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ

          4. งบประมาณเคสโทรศัพท์ 

          เพราะเคสโทรศัพท์คือการลงทุน ยิ่งเคสดีเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้โทรศัพท์ได้รับการปกป้องจากรอยขีดข่วนและการตกหล่นมากเท่านั้น ซึ่งการเลือกวัสดุของเคสที่มีราคาถูกแต่ต้องเปลี่ยนบ่อยครั้ง อาจทำให้สิ้นเปลืองมากกว่าการลงทุนในวัสดุที่จ่ายเพิ่มเพียงเล็กน้อยแต่จะปกป้องโทรศัพท์ของคุณไปได้อีกหลายปี 

          5. ดีไซน์ของเคสโทรศัพท์

          หากคุณเลือกเคสที่มีวัสดุที่ดีและมีราคาค่อนข้างสูง การเลือกเคสที่มีดีไซน์ที่ชอบและพึงพอใจในระยะยาวเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากกว่า เพราะหากเลือกเคสที่มีสีสัน สะดุดตา เป็นเทรนด์ ณ ตอนนี้ คุณอาจจะเบื่อหลังจากผ่านไปสองสามเดือน 

          สำหรับผู้ที่ต้องการใส่เคสมือถือโดยเน้นความสวยงามเป็นหลักก็จะเหมาะกับเคสที่มีสีสันและลวดลายต่าง ๆ ซึ่งเคสที่เน้นความสวยงามส่วนมากสามารถปกป้องตัวเครื่องได้ในระดับหนึ่งเช่นเดียวกับเคสทั่วไป เคสประเภทนี้จะมีทั้งแบบผลิตสำเร็จรูปมาวางขายและแบบสั่งทำพิเศษ

          นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาด้วยว่าดีไซน์ของเคสที่เลือกนั้นจะสกปรกง่ายหรือไม่ หากเลือกเคสสีอ่อน หรือสีพาสเทล ไม่ว่าจะเป็นเคสแบบเคสซิลิโคน, เคสแข็งพลาสติก, เคสหนัง หรือวัสดุอื่น ๆ แน่นอนว่าจะต้องทำความสะอาดบ่อยขึ้น เนื่องจากคราบสกปรกและรอยต่าง ๆ จะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการเลือกเคสสีเข้มนั่นเอง  

          6. เคสโทรศัพท์ที่มีลูกเล่นเสริม

          แน่นอนว่าเคสโทรศัพท์มีอีกมากมายหลากหลายชนิดให้เลือก ซึ่งรวมไปถึงเคสโทรศัพท์ที่มีการเพิ่มลูกเล่นเสริมให้กับมือถือได้ เช่น เคสแบบกันน้ำ,  เคสแบบห้อยคอ, เคสแบบมีขาตั้ง/ Griptok และอื่น ๆ อีกมากมาย ใครเป็นสายไหนก็เลือกใช้ได้กันได้ตามใจชอบเลย

           

          การเลือกเคสโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุด คือการพิจารณาฟังก์ชันต่าง ๆ ของเคส รวมถึงสไตล์ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญในเรื่องของเคสที่มีความสวยงามมากกว่า โดยไม่ได้พิจารณาว่าเคสนั้น ๆ จะปกป้องโทรศัพท์ได้ดีหรือไม่ ดังนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกเคสที่เข้ากันได้กับวัสดุและฟังก์ชันที่ต้องการก่อน เพื่อให้สามารถใช้งานเคสได้ยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตามหากคุณเป็นคนที่เบื่อง่ายและมองหาเคสใหม่ ๆ อยู่เสมอแน่นอนว่าสามารถซื้อเคสหลาย ๆ ชิ้นได้เช่นกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วจะเลือกซื้อแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความชอบและไลฟ์สไตล์ของตนเอง

           

          พร้อมที่จะลงทุนกับเคสโทรศัพท์ที่ดีสุดแล้วหรือยัง? “RHINOSHIELD” ขอนำเสนอเคสกันกระแทกที่สามารถรองรับและดูดซับแรงกระแทกได้อย่างดี ด้วยหลากหลายตัวเลือกต่อไปนี้ 

           

          • SolidSuit เคสปกป้องรอบตัวเครื่องในชิ้นเดียว มาพร้อมวัสดุที่ทำจากเทคโนโลยี ShockSpread สามารถเลือกออกแบบลวดลาย หรือพื้นผิวผิวด้านหลังได้
          - วัสดุมาตรฐาน: พื้นผิวด้านเน้นความเรียบง่าย คลาสสิก สไตล์มินิมอล
          - คาร์บอนไฟเบอร์: พื้นผิวช่วยป้องกันการเสียดสี ยึดเกาะที่ดีเยี่ยมเช่นเดียวกับเคสซิลิโคน 
          • Clear เคสใสบางเบาที่มีคุณสมบัติกันกระแทก ไม่ต้องกลัวปัญหาเคสเหลือง 
          - ผ่านการทดสอบการกันกระแทกระดับทหาร ยกขอบสูงป้องกันหน้าจอ และเลนส์กล้อง
          - ไม่เหลืองง่าย รับประกันการเกิดเคสเหลืองตลอดอายุการใช้งาน
          - เคลือบสาร Oleophobic  สารกันรอยคราบนิ้วมือ
          - ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล 100% 
          • Mod NX เคสแยกชิ้นส่วนที่ปรับแต่งได้เอง เป็นเคส Bumper พร้อมแผ่นด้านหลัง สามารถติดตั้งได้ ทั้งแบบกรอบเคสประกอบคู่กันกับแผ่นด้านหลัง หรือจะเป็นแบบ Bumper ที่ประกอบกรอบเคสและขอบเข้าด้วยกัน เป็นเคสที่มีความแข็งแกร่งสูงไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ มีความยืดหยุ่น การคัตติ้งที่ดีช่วยให้เวลาใส่หรือถอดเคสจะไม่ทำให้เคสขูดเครื่อง
          • CrashGuard เคส Bumper กันกระแทกผิวด้าน ที่ใช้วัสดุกันกระแทกพิเศษผสมผสานโพลีเมอร์ใหม่เข้ากับ Bumper 
          - มีโครงสร้างรังผึ้งช่วยเพิ่มการดูดซับแรงกระแทกได้มากกว่า 90%
          - สามารถเลือกปรับแต่งเคสได้เองตามความต้องการ ด้วยการจับคู่สีได้ตามแบบฉบับของตนเอง ทั้งกรอบ ขอบและปุ่มกด 
          - มีความยืดหยุ่น กระชับ ใส่แล้วพอดีเครื่อง 

           

          นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เคสโทรศัพท์จาก “RHINOSHIELD” ได้มีการนำคุณสมบัติเด่นของเคสซิลิโคนและเคสแข็งมารวมไว้ในเคสของแบรนด์ จับถนัดมือ ไม่ลื่น กันกระแทกได้ดีเยี่ยม และดูดซับแรงกระแทกได้ดี ที่สำคัญผลิตภัณฑ์เคสของเรายังสามารถเพิ่มลูกเล่นให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้งานได้ อย่างการเพิ่มที่ติดหลังโทรศัพท์ หรือเพิ่มวงแหวนแม่เหล็กรองรับ MagSafe รวมถึงการเลือกพิมพ์ลายบนเคสก็สามารถทำได้เช่นกัน

          สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเคสโทรศัพท์ซิลิโคน หรือเคสแข็งดี ลองมาเลือกเคสที่แข็งแกร่ง ทนทาน รองรับการกระแทกได้ดี แต่ยังคงความยืดหยุ่น ที่ “RHINOSHIELD” ดูดีมั้ย? อย่ารอช้าไปเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของเราได้ที่หน้าเว็บไซต์กันเลย!