ปลอดสาร BPA และ PFAS: RHINOSHIELD ผู้นำด้านความปลอดภัยของเคสโทรศัพท์

BPA เป็นสารเติมแต่งที่นิยมใช้ในพลาสติกเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน ส่วน PFAS เป็นสารที่มีคุณสมบัติกันน้ำและกันน้ำมันได้ดี จึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม สาร PFAS มีความคงตัวสูง ไม่สลายตัวตามธรรมชาติและสามารถสะสมได้ทั้งในร่างกายมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เมื่อเวลาผ่านไป ทั้ง BPA และ PFAS ต่างได้รับการจัดให้เป็นสารเคมีรบกวนต่อมไร้ท่อ (Endocrine Disrupting Chemicals – EDCs) โดยหน่วยงานนานาชาติหลายแห่ง เนื่องจากมีความเป็นพิษที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

องค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของ BPA ต่อระบบสืบพันธุ์ การเจริญเติบโต และการเผาผลาญของร่างกาย โดยเฉพาะในเด็กและหญิงตั้งครรภ์ ขณะเดียวกัน WHO ยังได้กำหนดแนวทางมาตรฐานน้ำดื่มสำหรับ PFAS เนื่องจากการสะสมของสารนี้ในร่างกายเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง และก่อให้เกิดความผิดปกติในการพัฒนา

แม้จะมองไม่เห็น แต่สารเหล่านี้มีอยู่รอบตัวเรา ทั้งในบรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง และของใช้ภายในบ้าน โดยสามารถปล่อยสารพิษในปริมาณเล็กน้อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ความคงทนของมันก่อให้เกิดอันตรายเรื้อรังต่อทั้งสุขภาพมนุษย์และระบบนิเวศของโลก นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “การเลือกวัสดุที่ปลอดสารพิษ” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในชีวิตประจำวัน

ในเดือนมกราคม ปี 2024 เครือข่ายระหว่างประเทศเพื่อการกำจัดสารมลพิษ (International Pollutants Elimination Network IPEN) ได้เผยแพร่รายงานที่ตรวจวิเคราะห์บรรจุภัณฑ์อาหารและภาชนะกระดาษจำนวน 119 ตัวอย่างจาก 17 ประเทศ พบว่ามากถึง 64 ตัวอย่าง ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งมีการปนเปื้อนของสาร PFAS ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย

เพื่อตอบสนองต่อเรื่องนี้ หลายภูมิภาคทั่วโลก เช่น สหภาพยุโรป รัฐแคลิฟอร์เนีย และประเทศแคนาดา ได้ออกข้อบังคับห้ามใช้สาร PFAS ขณะเดียวกัน แบรนด์ต่าง ๆ ก็เริ่มหันมาใช้มาตรฐาน BPA-Free และ PFAS-Free มากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดความรับผิดชอบของผู้ผลิตต่อวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์อย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ ในปี 2023 หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) ยังได้ลดปริมาณสาร BPA ที่ร่างกายสามารถรับได้ต่อวันลงอย่างมาก พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน และเรียกร้องให้มีการจำกัดการใช้สารดังกล่าวในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน พัฒนาการเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงฉันทามติระดับโลกที่ชัดเจนว่า การลดการใช้สาร BPA และ PFAS คือก้าวสำคัญในการปกป้องทั้งสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้

ในอุตสาหกรรมเคสโทรศัพท์ สาร BPA และ PFAS มักถูกใช้เพื่อเพิ่มความคงตัวของพลาสติก ป้องกันคราบ และสร้างผิวสัมผัสที่ดูพรีเมียม การกำจัดสารเหล่านี้ออกไปต้องอาศัยมากกว่าการเปลี่ยนวัสดุ แต่ต้องออกแบบสูตร วัสดุ และกระบวนการผลิตใหม่ทั้งหมด โดยมองในมุมวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์

ปัจจุบัน ผู้ใช้สมาร์ตโฟนทั่วโลกใช้เวลาเฉลี่ย 4 ชั่วโมง 37 นาทีต่อวันกับอุปกรณ์ของตน การสัมผัสสารเคมีเหล่านี้เป็นเวลานานอาจทำให้สารพิษซึมผ่านผิวหนังและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การให้ความสำคัญกับวัสดุปลอดสารพิษจึงเป็นการปกป้องทั้งโทรศัพท์และสุขภาพของคุณไปพร้อมกัน

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เราได้พัฒนาสูตรวัสดุเฉพาะของเราเอง จากเทอร์โมพลาสติกอีลาสโตเมอร์ (TPE) ชนิดวัสดุเดียว โดยตัดการใช้สาร BPA, PFAS และสารพิษอื่น ๆ ออกจากต้นทาง ขณะเดียวกันก็ยังคงประสิทธิภาพในการกันกระแทกและมอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมเช่นเดิม อีกทั้งยังมีการควบคุมกระบวนการผลิตอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนในทุกขั้นตอน

นวัตกรรมนี้ไม่ใช่เพียงการพัฒนาแบบครั้งเดียว แต่เป็นระบบการปกป้องอย่างต่อเนื่อง ทุกล็อตการผลิตของเราได้รับการทดสอบและรับรองโดย SGS โดยไม่พบการตรวจเจอสาร PFAS, BPA, BPS หรือ BPF ในระดับตรวจจับได้ โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก

สำหรับ RHINOSHIELD การกันกระแทกเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปกป้องแบบรอบด้าน เพราะเรานำวิทยาศาสตร์วัสดุมายกระดับการปกป้องทั้งโทรศัพท์ สุขภาพของคุณ และโลกใบนี้ไปพร้อมกัน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

1.World Health Organization. (2011). Toxicological and health aspects of bisphenol A: Report of Joint FAO/WHO Expert Meeting, Ottawa, Canada, 2–5 November 2010. WHO Press. 

2.World Health Organization. (2022). Per- and polyfluoroalkyl substances (PFAS). WHO: Chemical Hazards in Drinking-water. 

3.International Pollutants Elimination Network. (2024). Forever Chemicals in Single-Use Food Packaging and Tableware: PFAS in 17 Countries. IPEN. 

4.Exploding Topics. (2025). Time Spent Using Smartphones (2025 Statistics). https://explodingtopics.com/blog/smartphone-usage-stats