09-02-2025
เวลาในการอ่าน: 8 นาที
09-02-2025
เวลาในการอ่าน: 8 นาที
ตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา RHINOSHIELD เป็นหนึ่งในแบรนด์แรก ๆ ที่พัฒนาเคสมือถือกันกระแทกประสิทธิภาพสูง ซึ่งให้การปกป้องที่เหนือกว่ามาตรฐานทางทหาร เราไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในเรื่องความแข็งแรงทนทาน แต่ยังคงเดินหน้าท้าทายแนวคิดเดิม ๆ ของอุตสาหกรรมว่า “การปกป้อง” ควรหมายถึงอะไรกันแน่
เมื่อสมาร์ตโฟนพัฒนาไปไกลเกินกว่าการเป็นแค่เครื่องมือสื่อสาร ทั้งระบบกล้องสุดล้ำ เสาอากาศที่ซับซ้อน และชิปที่ทำงานด้วยอัลกอริธึมอัจฉริยะ ทุกองค์ประกอบภายในล้วนกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา คำถามจึงเกิดขึ้นว่า การทดสอบการตกแค่ดูจากความสูงและจำนวนครั้งนั้นยังเพียงพออยู่ไหม? เมื่ออุปกรณ์ภายในมีความซับซ้อนและเปราะบางขนาดนี้
และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของ AirX ที่เราหยุดมองแค่การปกป้องภายนอก แล้วเริ่มโฟกัสลึกลงไปถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นภายใน พร้อมนิยามใหม่ว่า “การปกป้องที่แท้จริง” ในยุคนี้ควรเป็นอย่างไร |
หลังจากที่ทีมวิศวกรของเราใช้เวลาหลายเดือนในการศึกษาการแยกชิ้นส่วนโทรศัพท์ พวกเขาพบรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆว่า โทรศัพท์ที่ดูเหมือนจะไม่มีร่องรอยความเสียหายภายนอก กลับมีปัญหาภายในที่มองไม่เห็น
ไม่ว่าจะเป็นโมดูลกล้องที่เคลื่อนออกนิดเดียว รอยแตกร้าวเล็ก ๆ ตรงขั้วชาร์จ หรือแรงสั่นสะเทือนระดับไมโครจากการตกกระแทกที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของเสาอากาศ ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากข้อบกพร่องในการออกแบบโทรศัพท์ แต่สะท้อนถึงข้อจำกัดของ “นิยามการปกป้อง” แบบเดิม ๆ ต่างหาก
เราจึงเริ่มตั้งคำถามใหม่: ถ้าเป้าหมายของเรามีมากกว่าการป้องกันรอยร้าว แล้วจะเป็นไปได้ไหม ถ้าเราสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ก่อนที่มันจะเข้าถึงแกนหลักของตัวเครื่อง? |
ด้วยเป้าหมายนี้ นักวัสดุศาสตร์ของเราได้ทดลองออกแบบโครงสร้างกันกระแทกภายในกว่า 100 แบบ จนได้ระบบกันกระแทกรูปแบบใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจจากกลไกของถุงลมนิรภัย แต่ถูกออกแบบให้เหมาะกับเคสมือถือที่พกพาใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
เรานำโครงสร้างใหม่นี้มาผสานกับวัสดุ ShockSpread™ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา พร้อมจำลองสถานการณ์การตกกระแทกหลากหลายรูปแบบ โดยใช้เซนเซอร์ตรวจจับแรง (accelerometer) เพื่อวิเคราะห์ผลอย่างละเอียด
ไม่ใช่แค่ป้องกันหน้าจอแตก แต่เราศึกษาแรงกระแทกในทุกมิติ ทั้งทิศทาง ระยะเวลาที่แรงส่งต่อ และการถ่ายโอนพลังงานระดับจิ๋ว ซึ่งสามารถส่งผลต่อระบบกันสั่นของกล้อง หรือทำให้สัญญาณอ่อนลงได้โดยที่ผู้ใช้ไม่ทันสังเกต
แน่นอนว่าการทำเคสให้หนาขึ้นอาจช่วยเพิ่มความแข็งแรงได้ในระดับหนึ่ง แต่มันไม่ใช่ทางออกที่ชาญฉลาดที่สุด และเราไม่สามารถเพิ่มความหนาได้ตลอดไป ความท้าทายที่แท้จริงคือ จะออกแบบ “การปกป้อง” ใหม่ โดยไม่ต้องเพิ่มความเทอะทะได้อย่างไร?
เราจึงออกแบบโครงสร้างภายในใหม่ทั้งหมด ฝังเบาะลมและโซนดูดซับแรงไว้ในพื้นที่ที่เล็กที่สุด เพื่อให้แรงกระแทกถูกดูดซับตั้งแต่ก่อนจะถึงตัวเครื่อง คุณอาจมองไม่เห็นมัน แต่มันอยู่ตรงนั้น ทำหน้าที่เงียบ ๆ เพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ และนิยามความหมายของ “การปกป้อง” ขึ้นมาใหม่ |
ทุกรายละเอียดของ AirX ถูกออกแบบมาให้มีหน้าที่เฉพาะ ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม
A. ช่องลมที่คุณเห็น ไม่ได้มีไว้แค่เพิ่มดีไซน์เท่ ๆ แต่ช่วยชะลอแรงกระแทกในระดับมิลลิวินาที—ซึ่งสร้างความแตกต่างได้จริง B. โครงสร้างภายในออกแบบมาเพื่อเบี่ยงทิศทางของแรงกระแทกออกด้านข้าง ป้องกันไม่ให้พุ่งเข้าสู่ชิ้นส่วนที่บอบบาง C. โครงสร้างโดยรวมถูกปรับสมดุลระหว่างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถกระจายแรงจากมุมกระแทกต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และที่สำคัญที่สุด มันได้ผล ในการทดสอบภายในของเรา AirX สามารถลดแรงกระแทกที่เข้าสู่ตัวเครื่องได้มากถึง 81% เมื่อเทียบกับเคสกันกระแทกทั่วไป |
ทุกวันนี้ สมาร์ตโฟนมีพลังการประมวลผลสูงยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์พกพา แต่กลับมีโครงสร้างภายในที่บอบบางกว่าเดิม ชิ้นส่วนที่เล็กลง พื้นที่จัดวางที่แน่นหนาขึ้น และความทนต่อความคลาดเคลื่อนที่น้อยลง ทำให้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า มาพร้อมความจำเป็นในการ “ปกป้องอย่างแม่นยำ” มากกว่าที่เคย
AirX จึงไม่ได้ถูกออกแบบมาแค่รองรับสมาร์ตโฟนในวันนี้ แต่พร้อมลุยไปกับเทคโนโลยีของอนาคตด้วยเช่นกัน |
แม้ว่าเราจะให้ความสำคัญกับความทนทานจากภายใน แต่สิ่งแวดล้อมก็ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราไม่เคยมองข้าม
AirX ผลิตจากวัสดุชนิดเดียว (mono-material) เพื่อให้ง่ายต่อการรีไซเคิล และยังทนทานยิ่งขึ้นกว่าเดิมถึง 30 เท่า ช่วยให้คุณไม่ต้องเปลี่ยนเคสบ่อย ๆ
การปกป้องที่ดีกว่า = อายุการใช้งานของอุปกรณ์ที่ยืนยาวขึ้น = ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ลดลง นี่คือวงจรแห่งความยั่งยืนที่เราเชื่อมั่น และอยากส่งต่อ |
AirX ไม่ใช่แค่เคส แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติแนวคิดของเรา การคิดใหม่ว่า “การปกป้อง” ในยุคนี้ควรให้ความสำคัญกับอะไรกันแน่ ไม่ใช่แค่การรอดจากแรงกระแทก แต่คือการรักษาประสิทธิภาพของอุปกรณ์ให้ทำงานได้เต็มที่ที่สุด
และที่สำคัญที่สุด มันคือการปกป้องสิ่งที่มองไม่เห็นแต่มีความหมาย สิ่งเล็ก ๆ ที่ทำให้ชีวิตดิจิทัลของคุณไหลลื่นอย่างไม่สะดุด ไม่ว่าจะเป็นแรงกระแทกเพียงเสี้ยววินาที หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดเพียงครั้งเดียว |